วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556
H.I.I.T การฝึกที่เพิ่มศักยภาพให้การออกกำลังกายของคุณ
ใน บรรดาสิ่งที่อยากเริ่มต้นของใครหลายคน เรื่องที่รู้สึกว่ายากที่สุดคงจะเป็นการเริ่มต้นออกกำลังกายนี่ล่ะค่ะ ใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากดูดี หุ่นสวย และแข็งแรง แต่จะให้มาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอกลับไม่ยอมทำกันเสียอีก เรามีวิธีการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งมาฝากกัน เขาว่ากัน ว่าสามารถช่วยลดไขมันได้ถึง 9 เท่าของการออกกำลังกายแบบปกติ! ชักสนใจแล้วล่ะสิ
การออกกำลังกายแบบ นี้เรียกว่า High Intensive Interval Training หรือเรียกย่อๆ ว่า H.I.I.T แปลว่าการฝึกแบบเข้มข้นสูงเป็นช่วงๆ นั่นเอง อย่าเพิ่งงงค่ะ…มาลองทำความเข้าใจกันดูก่อน
การ ออกกำลังกายแบบนี้เหมาะกับการออกแรงกล้ามเนื้อชิ้นใหญ่ของร่างกาย อย่างกล้าม เนื้อขา เพราะฉะนั้นรูปแบบการออกกำลังที่ดี คือ การเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน วิธีการฝึกเริ่มจาก วอร์มอัพ 5 นาที แล้วออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานอย่างเต็มที่ ออกแรงแบบสุดๆ เดินก็เดินเร็วสุดๆ วิ่งก็วิ่งสุดแรงเกิด ปั่นจักรยานก็ปั่นให้เร็วจี๋อย่างนี้เป็นต้น เป็นเวลา 8 นาที จากนั้น ผ่อนความเร็วลงให้ช้ามากๆ แต่อย่าหยุดเป็นเวลา 12 วินาที ออกกำลังกายแบบสุดๆ กับค่อยๆ ผ่อน อย่างนี้สลับกันจนครบเวลา 20 นาที
การ ฝึกแบบนี้ควรทำต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3 วัน วันละไม่เกิน 20 นาที ต่อเนื่องกัน 8 สัปดาห์ พอถึงสัปดาห์ที่ 9 ให้พักทั้งสัปดาห์ โดยเปลี่ยนไปออกกำลังกายเบาๆ แบบอื่น จำไว้ว่าอย่าฝืนออกกำลังกายแบบนี้ติดต่อกันทุกวัน เพราะแทนที่จะลดไขมันจะกลายเป็นลดกล้ามเนื้อแทนเพราะทำให้กล้ามเนื้อล้ามาก เกินไป
การ จะฝึก H.I.I.T ให้ได้ผล ต้องทำควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารด้วย โดยให้รับประทานอาหารก่อนออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมง ห้ามปล่อยให้ท้องว่างเด็ดขาด แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 6 มื้อย่อยใน แต่ละวัน รับประทานอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ไม่มากไม่น้อยเกินไป รับประทานน้ำตาลให้น้อยที่สุด และรับประทานอาหารที่มีคุณค่าอย่างผัก ผลไม้ เนื้อไม่ติดมัน ปลา ธัญพืช ข้าวกล้อง
เคล็ด ลับสำคัญ อย่าชั่งน้ำหนักทุกวันจนเกิดความกดดันตัวเอง ปล่อยไปแบบสบายๆ พอฝึก ไปสักช่วงหนึ่งค่อยชั่งน้ำหนักก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง จะทำให้การออกกำลังกายมีเป้าหมายและมีความสุขมากขึ้นค่ะ
ที่มา..lovefitt.com
คอนซีลเลอร์จำเป็นไหม
หากคุณมีข้อบกพร่องบนผิวจนทารองพื้นทับไว้อย่างเดียวไม่เพียงพอ คอนซีลเลอร์ก็จะเป็นทหารเอกที่ช่วยเหลือคุณ วิธีการเลือกคือ...
ดูว่าผิวคุณมีปัญหาอะไร ระดับใด etude house ต้องการการปกปิดมากน้อยแค่ไหน เพราะคอนซีลเลอร์แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งแบบเนื้อครีม เนื้อลิควิด แต่เทคนิคสำคัญคือ ลงคอนซีลเลอร์อย่างเบามือเท่านั้น อย่ากดย้ำซ้ำบนผิวที่ลงคอนซีลเลอร์มากเกินไป เพราะมันจะทำให้ผิวของคุณดูเป็นด่างดวง etude house
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556
เคล็ดลับทาลิปสติกง่ายๆให้สีอยู่สวย
1. เลือกลิปสติกแบบมีประกายจากไข่มุก
เริ่มต้นด้วยการเลือกลิปสติกที่มีคุณสมบัติติดทน หรือที่ระบุว่า "long wearing" แต่โดยส่วนใหญ่ลิปสติกประเภทนี้มักเป็นแบบเนื้อแมท ซึ่งจะทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งได้ง่าย ลองเลือกลิปสติกติดทนแบบที่ให้ลุคริมฝีปากเนียนนุ่มหลังทาแทน โดยลิปสติกประเภทนี้มักมีประกายจากไข่มุก อันจะทำให้ปากดูแวววาวได้โดยที่เนื้อลิปสติกไม่ต้องเป็นครีม ซึ่งทำให้สีลิปเลือนหายไปได้ในเวลาไม่นาน เครื่องสําอางเกาหลี
2. ใช้ลิปสติกสีเข้ม
ลิปสติกสีเข้ม ๆ มักอยู่ติดทนนานกว่าแบบที่มีสีอ่อนเสมอ เนื่องจากเม็ดสีหรือพิกเม้นต์ที่มีอยู่มากกว่านั่นเอง
3. เตรียมริมฝีปากให้พร้อม
ลิปสติกจะติดได้ดีที่สุดบนพื้นผิวที่เรียบ เพราะฉะนั้นก่อนการทาลิปสติก ให้ใช้ทิชชู่เปียก หรือสำลีชุบน้ำเช็ดถูที่ริมฝีปากเบา ๆ เพื่อเป็นการขัดเอาผิวริมฝีปากที่แห้งลอกให้หลุดออกไป จากนั้นจึงทาลิปบาล์ม ทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้ลิปได้ซึมเข้าสู่ผิว แล้วใช้กระดาษทิชชู่ซับปากเบา ๆ เพื่อไม่ให้ริมฝีปากมันเยิ้มจนเกินไป
4. วาดขอบปาก
การวาดขอบริมฝีปากด้านใน ช่วยให้รูปปากดูคมชัดขึ้น และช่วยทำให้สีลิปสติกดูติดทนมากขึ้นด้วย เลือกดินสอเขียนขอบปากที่พอดีกับสีลิปติกของคุณ หรือหากไม่มีสีที่พอดีกัน ให้เลือกแบบที่อ่อนกว่าเล็กน้อยค่ะ
5. ทาลิปสติกจากแท่งโดยตรง
การทาลิปสติกจากแท่งโดยตรงแทนที่จะใช้พู่กันทาลิปสติก จะทำให้เม็ดสีของลิปติดลงที่ริมฝีปากได้มากกว่า ทำให้ติดทนนานกว่านั่นเอง หลังจากทาครั้งแรกแล้ว ให้ซับริมฝีปากด้วยกระดาษทิชชู่หนึ่งครั้ง จากนั้นจึงทาซ้ำอีกครั้ง
6. จบด้วยการปัดแป้ง
หลังจากทาลิปสติกเสร็จหมดทุกขั้นตอนด้านบนแล้ว ใช้แปรงขนฟู ๆ แตะแป้งฝุ่นที่คุณใช้แต่งหน้าเล็กน้อย ปิดปากแล้วทำหน้ายิ้ม ปัดแป้งที่ริมฝีปากเบา ๆ เท่านี้ก็จะทำให้ลิปที่คุณเพิ่งทาลงไปติดทนนานขึ้นแล้วล่ะ เครื่องสําอางเกาหลี
รู้เคล็ดลับดี ๆ อย่างนี้แล้ว ครั้งหน้าสาว ๆ ก็ไม่ต้องกลัวลิปสติกสีสวย ๆ จะเลือนหายไปจากเรียวปากแล้วค่ะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
สวยเริ่ดแบบสาวฮอลลีวู้ด
Face
ปรับสภาพผิวด้วยโลชั่นเพื่อปรับสมดุลผิว หลังจากนั้นลงมอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดด แล้วทาเบสเมคอัพ ซึ่งเราขอแนะนำให้เลือกชนิดที่ปรับความสมดุลให้ผิวปรับโทนสีผิวให้สม่ำเสมอ และยังช่วยลดความหมองคล้ำได้อีกด้วย ส่วนรองพื้นนั้นเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและสีผิวให้มากที่สุด หากใครที่มีปัญหาจุดด่างดำและใต้ตาคล้ำ ให้ใช้คอนซีลเลอร์ 2 เบอร์ เบอร์นึงใช้ปรับใต้ตาให้ดูไบรท์ขึ้น ส่วนอีกเบอร์ให้เลือกที่ใกล้เคียงกับสีผิวเพื่อปกปิดจุดด่างดำ ตามด้วยแป้งฝุ่น และแป้งผสมรองพื้น เครื่องสําอางเกาหลี
Blow and Eyes
สีคิ้วอาจเป็นเทาหรือดำ ที่สำคัญคิ้วต้องดูหนาหน่อย ถ้าอยากให้ดูเฉี่ยวเปรี้ยวขึ้น ก็ต้องเขียนคิ้วให้โก่งได้รูป ส่วนอายแชโดว์จะเป็นสีอ่อนๆ ซอฟต์ๆ เช่น สีทอง สีครีม หรือสีเบส แต่จะเน้นอายไลเนอร์กับมาสคาร่ามากกว่า
Cheek
การปัดแก้มสามารถสร้างลุคให้เปรี้ยวแบบมาริลีน หรือเป็นสาวหวานแบบสโนไวท์ 2012 ก็ได้ เพียงแค่ปัดเฉียงๆ ประมาณ 45 องศา ก็จะได้ลุคสาวเปรี้ยว แต่ถ้าอยากได้ลุคสาวหวานให้ปัดกระจายฟุ้งๆ ตามโหนกแก้มปัดให้หน้าดูกลม หน้าก็จะดูแบ๊วๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับรูปหน้าของแต่ละคนด้วยเหมือนกัน หากหน้ายาวถ้าเราปัดเฉียง ก็จะทำให้หน้าเราดูยาวเกินไป ควรเลือกบลัชออนสีชมพูแล้วใช้เฉดดิ้งเข้าช่วยไลท์กรอบหน้าให้มีมิติมากขึ้น เครื่องสําอางเกาหลี
Lips
แน่นอนว่าลิปสติกสีสดๆ มาแรงในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นสาวหวานหรือสาวเปรี้ยว ต่างเลือกใช้บริเวณกันทั้งนั้นลิปไลเนอร์เป็นสิ่งสำคัญ วาดขอบปากด้วยลิบไลเนอร์ให้ได้รูปมากที่สุด แล้วบรรจงทาลิปสติกสีสดให้เป็นสาวเปรี้ยวจี๊ดสักวัน
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
ขั้นตอนปัดมาสคาร่าที่ผู้หญิงควรทราบ
ขน ตาเข้ม ๆ งอน ๆ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ส่งให้ใบหน้าดูน่ามองน่าชมยิ่งนัก มันทำให้ดวงตาดูโต เป็นประกาย และดึงดูดให้อยากเข้าไปพบปะ สาว ๆ บางคนแม้ไม่ได้แต่งหน้าแต่ก็ขอให้ตาเป๊ะไว้ก่อน หรือจะแต่งหน้าโทนนู้ด แล้วเน้นตาให้ตาดูโดดเด่นออกมาด้วยการปัดมาสคาร่าให้คมสวย เท่านี้ก็สวยได้ง่าย ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นขั้นตอนการปัดมาสคาร่าแบบพื้นฐานจึงน่าจะเป็นสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนควรทราบเอาไว้ค่ะ
1. ใช้ที่ดัดขนตาเสมอ
การดัดขนตาก่อนที่จะปัดมาสคาร่านั้น จะช่วยยกขนตา และทำให้ดวงตาคุณดูโตขึ้นได้ ซึ่งนี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะกับสาวที่มีขนตาค่อนข้างน้อยและบาง ซึ่งสังเกตเห็นได้ยากหากไม่ดัดและปัดขนตาเสียก่อน เมื่อดัดขนตาเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนการปัดขนตาต่อไป เครื่องสําอางเกาหลี
2. เลือกใช้มาสคาร่าที่เหมาะสม
มาสคาร่านั้นมีหลายประเภท และให้ผลหลังการปัดที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นมาสคาร่าแบบเพิ่มความยาว แบบเพิ่มความงอนงาม แบบเพิ่มความหนา ทั้งนี้ลักษณะของแปรงที่แตกต่างกันก็ให้ผลที่แตกต่างกันด้วย จึงควรเลือกประเภทของมันให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ นอกจากนี้การเลือกใช้สีของมาสคาร่าให้เหมาะสมตามแต่ละโอกาส ก็จะช่วยให้เปลี่ยนบุคลิกของคุณให้สมกับกาลเทศะด้วยค่ะ
3. ปัดมาสคาร่าอย่างถูกต้อง
การปัดมาสคาร่าที่ถูกต้อง ให้เริ่มที่โคนขนตา แล้วปัดในทิศทางขึ้นไปจนสุดปลายขนตา นอกจากนี้การขยับมือซิกแซ็กขณะปัด จะช่วยให้ขนตากระจายตัวไม่เกาะเป็นก้อนด้วย เมื่อรอบแรกแห้งแล้ว สามารถปัดซ้ำอีกครั้งหนึ่งได้ แต่ไม่ควรปัดมากเกินกว่า 2 ครั้ง เพราะจะทำให้ขนตาหนักเกินไป และรู้สึกไม่สบายเปลือกตาค่ะ
4. ปัดขนตาล่างแต่พอดี
การปัดขนตาล่างนั้น ไม่ควรหนักมือเท่ากับขนตาบน เพราะจะทำให้เลอะง่าย ทั้งยังรู้สึกหนักและเหนอะอีกด้วย หลังจุ่มแปรงปัดลงในน้ำยา และปัดขนตาบนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ปัดขนตาล่างต่อได้เลย โดยไม่ต้องจุ่มน้ำยาซ้ำอีกครั้ง เครื่องสําอางเกาหลี
แม้จะเป็นเพียงขั้นตอนการปัดขนตาแบบพื้นฐาน แต่รับรองว่าถ้าทำได้ครบถ้วนตามนี้ คุณผู้หญิงก็จะมีดวงตากลมโตน่ามองแน่นอนค่ะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
ใช้เมคอัพแบบมีชิมเมอร์อย่างไรให้สวย
เลือก เครื่องสำอางที่มีชิมเมอร์แบบเนื้อบางเบา เพราะจะไม่จับตัวเป็นก้อนหรือเป็นปื้นเมื่อทาลงบนผิว อันจะทำให้ประกายชิมเมอร์ทั้งหลาย เกาะตัวกันเป็นก้อน ๆ ดูวิบวับแบบประหลาด ๆ อีกด้วย
ประกายวิ้ง ๆ จากชิมเมอร์จะดูดีเมื่อได้รับการเบลนด์ให้เข้ากัน เลือกใช้แปรงแต่งหน้าแบบกลม ขนฟู ๆ เบลนด์แป้งไฮไลต์ที่มีประกายชิมเมอร์ให้ลงบนโหนกแก้ม ให้ชิมเมอร์กระจายตัวออกไปทั่ว ๆ ส่วนเคล็ดลับที่จะป้องกันไม่ให้แก้มที่ปัดไฮไลต์ที่มีชิมเมอร์นี้ดูขาวสว่าง กว่าส่วนอื่น คือการปัดไฮไลต์ทับเบา ๆ หลังจากปัดแก้มแล้วเท่านั้น เครื่องสําอางเกาหลี
หากแต่งหน้าด้วยเมคอัพที่มีประกายจากชิมเมอร์แล้ว ไม่ควรจับคู่กับองค์ประกอบอย่างอื่นที่มีประกายเหมือนกัน เช่น หากได้ใช้อายแชโดว์กับบลัชที่มีชิมเมอร์ไปแล้ว ก็ไม่ควรจะทาเล็บด้วยสีประกายเมทัลลิก หรือใส่เสื้อผ้าที่เป็นประกายอีก เพราะจะดูเยอะเกินไปนั่นเอง เรียกว่าแต่งน้อย ๆ แต่เรียบสวยแบบ มินิมัลลิสต์ จะดีกว่า
แต่งดวงตาให้โดดเด่นวิบวับจากประกายของชิมเมอร์ ด้วยการใช้ แปรงสำรับทาอายไลน์เนอร์ขนาดเล็ก แตะเนื้ออายแชโดว์แบบครีมที่จะเปลี่ยนเป็นแป้งเมื่อสัมผัสผิว ลากที่ขอบตาล่างด้านใน จากนั้นจึงลากเส้นเล็ก ๆ ที่บริเวณหางตาล่างให้ชิดแนวขนตาล่างมากที่สุด เท่านี้ดวงตาก็ดูดูสดใสเป็นประกายแล้ว เครื่องสําอางเกาหลี
เครื่องสำอางแบบมีชิมเมอร์ไม่ได้มีไว้เพื่อเติมความสดใสให้วัยรุ่นสาว ๆ เท่านั้น แม้คุณจะเป็นสาวใหญ่ก็สามารถใช้เครื่องสำอางแบบที่มีชิมเมอร์ได้ เพียงแต่ให้หลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณที่ริ้วรอยเริ่มก่อตัว เพราะชิมเมอร์อาจไปจับตัวอยู่ตามร่องริ้วรอยนั้น ทำให้มองเห็นริ้วรอยชัดเจนขึ้นด้วย
รู้เคล็ดลับการใช้เครื่องสำอางประกายชิมเมอร์แบบนี้แล้ว อย่าลืมลองนำไปใช้ดูบ้างนะคะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556
มารู้จักการออกกำลังกายร่วมกับ Stability ball หรือ Balancing Ball กัน
เป็นการออกกำลังกายที่ทำร่วมกับลูกบอลยางขนาดใหญ่ การออกกำลังกายกับ Stability ball เป็นการออกกำลังกายในกลุ่ม weight Training อุปกรณ์ออกกำลังกาย ช่วยเสริมสร้างความเเข็งเเรงให้กับกล้ามเนื้อ ช่วยกระชับสัดส่วน เเละ สนุกสนาน การออกกำลังกายกับ Stability ball นี้ จะใช้ลูกบอลมาช่วยเพิ่มการเกร็งเเละออกเเรงกล้ามเนื้อ เพราะในขณะที่เราพยายามทรงตัวอยู่บนบอล เราจะเป็นจะต้องเกร็งกล้ามเนื้อเพิ่มมากกว่าปรกติ
การออกกำลังกายกับ อุปกรณ์ออกกำลังกาย Stability ball มีหลากหลายท่า ตั้งเเต่ง่ายมากๆสำหรับผู้เริ่มต้นการฝึก Weight training จนถึง ขั้นสูง นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความหนักได้อีกโดยการเล่นควบคู่กับ Dumbbell ก็ได้
ที่มา..lovefitt.com
อะไรที่ควรเตรียมไปเวลาไปฟิตเนส
การ ออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราควบคุมน้ำหนักเเละช่วยให้ร่างกายของ เราเเข็งเเรง การเลือกการออกกำลังกายสามารถเลือกการออกกำลังกายได้ทั้กลางเเจ้ง,ที่บ้าน หรือเเม้กระทั้ง การไปออกกำลังกายตามFitness ข้อดีสำหรับการไปออกกำลังกายใน Fitness คือ มีอุปกรณ์เเละกิจกรรมการออกกำลังกายรองรับหลายอย่างทั้งCardio เเละการ weight Training นอกจากนี้ยังมีเทรนเนอร์คอยให้คำเเนะนำการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เเละยังทำให้เราจริงจังกับการออกกำลังกายได้มากขึ้นเพราะเราอยู่ในสภาพเเวด ล้อมที่เหมาะสม สำหรับวันนี้ผึ้งมี tips ในการเลือกอุปกรณ์ที่จะต้องนำติดตัวไป Fitness สำหรับคุณสาวๆมาฝากกันค่ะ
1.การเลือกชุดไปออกกำลังกาย
การเลือกชุดไปออกกำลังกายไม่ ได้สำคัญที่เเบบหรือความสวยงามเพียงอย่างเดียวเเต่ควรคำนึงถึงความสบายเเละ การระบายอากาศเป็นหลัก ไม่รัดรูป เเละไม่ดูดน้ำจนเกินไป ควรเลือกเนื้อผ้าที่เเห้งเร็ว เพื่อป้องกันการอับชื้น อาจจะเป็นเสื้อยืดคอกลม เนื้อผ้าผสมไรคร้า หรือเสื้อกล้ามที่มีสายค่อนข้างใหญ่จะดีกว่าเเบบสายเดี่ยวนะคะ ส่วนกางเเกงควรมีความยืดหยุ่นเเละระบายความร้อนเเละความอับชื้นได้ดี ส่วนตัวจะเเนะนำให้ซื้อเสื้อผ้าที่ออกเเบบมาเพื่อการออกกำลังกายค่ะ ราคาอาจจะสูงซักหน่อย เเต่คุณภาพเเละความทนทานถือว่าคุ้มค่ะ
2.บราเเละชั้นในสำหรับออกกำลังกาย
เรื่อง ชั้นในนั้นเเนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ซื้อที่ทำมาเพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะ เพราะจะช่วยให้กระชับเเละรองรับเเรงกระเเทกจากการออกกำลังกายได้ดีกว่าบรา ธรรมดา เเละยังมีเนื้อผ้าที่ระบายความร้อนเเละเเห้งเร็วกว่าอีกด้วย
วิธีการเลือกบราเเละชั้นในสำหรับออกกำลังกาย
ควรเลือกบราที่สายค่อนข้างใหญ่ เเละมีเเนวเส้นโครงสร้างที่รองรับรูปทรงของทรวงอก เเละควรมีเเถบป้องกันตะขอด้านหลังไม่ให้สัมผัสหรือ
ทำ ให้เกิดการระคายเคืองเวลาเคลื่อนไหว สำหรับกางเกงชั้นในควรเลือกที่เป็นเเบบบีกินี่หรือเเบบเต็มตัวเท่านั้น ไม่คารใส่ที่เป็น เเบบ V-string หรือ G-string เเละต้องไม่มีส่วนของลูกไม้ค่ะ ไม่ควรเลือกที่เป็นผ้าฝ้ายนะคะเพราะอุ้มน้ำมากเกินไปค่ะ ทำให้อับชื้นได้ค่ะ
วิธีทดสอบบรา
เวลา ลองบราให้ลองใส่บราที่ตะขอระดับที่สอง ลองใช้นิ้วสอดดูว่าเเน่นหรือหลวมไปหรือไม่ ควรเลือกให้กระชับหน่อยนะคะ ปรับสายให้พอดีไม่หย่อนหรือตึงเกินไป จากนั้น ลองกระโด่ดขึ้นลงเพื่อดูการเคลื่อนไหวของทรงอกไม่ให้มากจนเกินไปค่ะเพียง เท่านี้เราก็จะได้บราสำหรับใส่ออกกำลังที่เหมาะกับเราค่ะ หรือใครชอบที่จะใส่เป็็น workout top (เสื้อออกกำลังกายเเบบครึ่งตัว) ก็ดีเหมือนกัน สำหรับผึ้งชอบใส่เป็น workout top เเล้วสวมเสื้อทับอีกทีเพราะรู้สึกว่ากระชับกว่าเเละปวดไหล่น้อยกว่าบราเเละ ไม่มีตะขอให้กวนใจค่ะ
3.รองเท้าสำหรับออกกำลังกาย
การ เลือกรองเท้าควรเลือกรองเท้าที่เหมาะกับการไปออกกำลังกาย ไม่ควรเลือกรองเท้าเเนว Fashion sport หรือรองเท้ากึ่ง sport (Sneaker)เพราะรองเท้าในกลุ่มนี้ไม่ได้ช่วยรับเเรงกระเเทกเวลาที่เราออก กำลังกายเลย อาจเป็นสาเหตุให้ปวดหลังหรือมีปัญหาเรื่องข้อต่อ เเละเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วย ทางที่ดีควรเลือกซื้อรองเท้าในกลุ่ม Cross training หรือ Running จะดีกว่าค่ะ
4.ถุงมือสำหรับเวทเทรนิ่ง
อัน นี้เป็นoptionนะคะ ถ้าหลักๆเราไม่ได้เวทเทรนนิ่งบ่อย เน้นที่การไปคาร์ดิโอก็ไม่ต้องซื้อค่ะ ถุงมือสำหรับเวทเทรนนิ่งมีประโยชน์ ช่วยให้มือไม่ด้านค่ะ เเละช่วยให้กระชับเวลาที่เราจับดัมเบลหรือบราเบลค่ะ ควรเลือกที่มีเเถบกันลื่นที่มีความหนาซักน่อยบริเวณฝ่ามือเเละ ร่องนิ้วโป้งค่ะ เลือกให้ขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กเเละไม่ใหญ่จนเกินไปค่ะ ใครที่เล่นน้ำหนักมากจะใช้อย่างที่มีเเถบล็อคข้อมือด้วยก็ดีค่ะ
5.ผ้าขนหนูผืนน้อย
ผ้า ก็มีความจำเป็นเพื่อซับเหงื่อเวลาที่เราออกกำลังกาย ควรเลือกผ้าที่ไม่หนาเเละหนักจนเกินไป เพื่อสะดวกในการพกพาค่ะ หรือใครจะใช้สายรัดข้อมืออย่างที่นักกีฬาใช้กันก็ได้ค่ะ
6.กระติกสำหรับใส่น้ำ
ควร มีกระติกน้ำหรือภาชนะสำหรับใส่น้ำดื่มพกติดตัวไว้ในขณะที่เราออกกำลังกายค่ะ เพราะเวลาที่เราออกกำลังกายควรจิบน้ำเป็นระยะๆเพื่อไม่ให้เกิดสภาวะขาดน้ำใน ขณะเราออกกำลังกายเเละเสียเหงื่อมากๆค่ะ
7.หูฟังหรือเครื่องเล่น MP3
เพื่อเพิ่มสมาธิเเละการผ่อนคลายขณะที่เราออกกำลังกายการ ฟังเพลงที่เราชอบไปด้วยจะช่ายให้เราสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นเเละสนุก สนานมากขึ้นค่ะควรเลือกเพลงที่มีบีทพอเหมาะสลับเร็วเเละช้าไว้ใน Playlist ค่ะโดยเฉพาะคนที่ชอบวิ่งบนเครื่องวิ่งค่ะ นอกจากนี้เพลงยังสามารถเป็นตัวกำหนดเวลาในการวิ่งของเราได้อีกด้วย 1 เพลงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 นาที 10 เพลงก็ทำให้วิ่งได้ 30 นาทีโดยที่ไม่เบื่อเเล้วค่ะ
เมื่อ เราเตรียมพร้อมด้านอุปกรณ์เเล้วสิ่งที่เราจะต้องนำติดตัวไปทุกครั้งก็คือใจ ที่พร้อมเเละจริงจังกับการออกกำลังกาย ความอดทน เเละความมุ่งมั่นค่ะเพราะการออกกำลังกายที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้อง ทำอย่างจริงจังเเละสม่ำเสมอ ไม่ต้องอายหรือกังวลถ้าหากเรายังทำไม่ได้เหมือนคนอื่นๆจงทำให้เต็มที่เท่า ที่เเรง กำลังเเละประสบการณ์ของเราจะทำไหว ไม่ต้องฝืน ของเเบบนี้ต้องใช้การฝึกฝนค่ะ ไม่ได้วันนี้ก็พยายามฝึกต่อไปเรื่อยๆ การไปฟิตเนสหรือไปออกกำลังกาย ไม่ใช่การไปเพื่อเเข่งขัน หรือทำตามเเฟชั่น เเต่มันเป็นการสร้างลักษณะนิสัยเเละการเปลี่ยนเเปลงโปรเเกรมชีวิตเราให้มี สุขภาพที่ดีไปตลอดค่ะ
ที่มา..lovefitt.com
เพิ่มลูกเล่นริมฝีปากด้วยการทาลิปทูโทน
วันนี้
ก็เลยมีแนวการแต่งหน้าในสไตล์ที่น่าสนใจและที่สำคัญ
สวยเก๋อย่าบอกใครมาให้สาว ๆ ได้ลองทำดูค่ะ งานนี้ไม่ยากอะไรเลย
แค่เน้นที่การทาลิปสติกที่จะทำให้ริมฝีปากให้ดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างไม่น่า
เชื่อเท่านั้น เอ้า ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่าเป็นยังไง
และแนวการทาลิปสติกที่เราขอแนะนำกันวันนี้ ก็คือการทาลิปสติกแบบทูโทน หรือลิปสติกสองสีนั่นเองค่ะ ซึ่งก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก เพียงแค่สาว ๆ ลองเลือกลิปสติกต่างสีขึ้นมา 2 แท่ง จากนั้นทาสีหนึ่งลงบนริมฝีปากบน ส่วนอีกสีหนึ่งให้ทาลงบนริมฝีปากล่าง อ๊ะ ๆ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ etude house เพราะการทาลิปสติกในรูปแบบนี้นอกจากจะต้องเลือกสีสันให้เข้ากันและไม่ต่างสี กันมากแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญเรื่องความติดทนด้วยค่ะ ซึ่งจะทำได้ยังไงนั้น วันนี้ขอเอาเคล็ดลับมาฝากกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ
1. ทาลิปสติกสีแรกที่ริมฝีปากบน และอีกสีหนึ่งที่ริมฝีปากล่าง ระวังอย่าให้ริมฝีปากบนและล่างประกบกันค่ะ จากนั้นเม้มเข้ากับทิชชู
2. ทาลิปสติกทับเข้าไปอีกครั้งทั้งริมฝีปากบนและล่าง จากนั้นเม้มกับทิชชูเบา ๆ อีกครั้ง คราวนี้ก็จะได้ลิปสติกที่มีสีชัดเจนมากกว่ารอบแรก
3. ทาทับด้วยลิปกลอสให้มันวาว etude house หรือหากใครไม่ชอบความมันวาว ก็เตรียมพร้อมออกไปงานเลยค่ะ เพราะเพียงเท่านี้ก็ใช้ได้แล้วล่ะ
เป็นยังไงคะ ไม่ยากเลยใช่ไหม คราวนี้ สาว ๆ ก็ลองไปทำกันดูนะคะ รับรองว่ามันจะทำให้คุณดูโดดเด่นมาก ๆ ในงานอย่างแน่นอนค่ะ แต่หากใครยังคิดไม่ออกว่าจะจับสีไหนมาชนสีไหนดีล่ะก็ วันนี้กระปุกดอทคอมรวบรวมภาพมาให้ดูเป็นตัวอย่างด้านล่างนี้เลยจ้า
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
และแนวการทาลิปสติกที่เราขอแนะนำกันวันนี้ ก็คือการทาลิปสติกแบบทูโทน หรือลิปสติกสองสีนั่นเองค่ะ ซึ่งก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก เพียงแค่สาว ๆ ลองเลือกลิปสติกต่างสีขึ้นมา 2 แท่ง จากนั้นทาสีหนึ่งลงบนริมฝีปากบน ส่วนอีกสีหนึ่งให้ทาลงบนริมฝีปากล่าง อ๊ะ ๆ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ etude house เพราะการทาลิปสติกในรูปแบบนี้นอกจากจะต้องเลือกสีสันให้เข้ากันและไม่ต่างสี กันมากแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญเรื่องความติดทนด้วยค่ะ ซึ่งจะทำได้ยังไงนั้น วันนี้ขอเอาเคล็ดลับมาฝากกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ
1. ทาลิปสติกสีแรกที่ริมฝีปากบน และอีกสีหนึ่งที่ริมฝีปากล่าง ระวังอย่าให้ริมฝีปากบนและล่างประกบกันค่ะ จากนั้นเม้มเข้ากับทิชชู
2. ทาลิปสติกทับเข้าไปอีกครั้งทั้งริมฝีปากบนและล่าง จากนั้นเม้มกับทิชชูเบา ๆ อีกครั้ง คราวนี้ก็จะได้ลิปสติกที่มีสีชัดเจนมากกว่ารอบแรก
3. ทาทับด้วยลิปกลอสให้มันวาว etude house หรือหากใครไม่ชอบความมันวาว ก็เตรียมพร้อมออกไปงานเลยค่ะ เพราะเพียงเท่านี้ก็ใช้ได้แล้วล่ะ
เป็นยังไงคะ ไม่ยากเลยใช่ไหม คราวนี้ สาว ๆ ก็ลองไปทำกันดูนะคะ รับรองว่ามันจะทำให้คุณดูโดดเด่นมาก ๆ ในงานอย่างแน่นอนค่ะ แต่หากใครยังคิดไม่ออกว่าจะจับสีไหนมาชนสีไหนดีล่ะก็ วันนี้กระปุกดอทคอมรวบรวมภาพมาให้ดูเป็นตัวอย่างด้านล่างนี้เลยจ้า
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
ขั้นตอนการปัดมาสคาร่า
ขน ตาเข้ม ๆ งอน ๆ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ส่งให้ใบหน้าดูน่ามองน่าชมยิ่งนัก มันทำให้ดวงตาดูโต เป็นประกาย และดึงดูดให้อยากเข้าไปพบปะ สาว ๆ บางคนแม้ไม่ได้แต่งหน้าแต่ก็ขอให้ตาเป๊ะไว้ก่อน หรือจะแต่งหน้าโทนนู้ด แล้วเน้นตาให้ตาดูโดดเด่นออกมาด้วยการปัดมาสคาร่าให้คมสวย เท่านี้ก็สวยได้ง่าย ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นขั้นตอนการปัดมาสคาร่าแบบพื้นฐานจึงน่าจะเป็นสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนควรทราบเอาไว้ค่ะ วันนี้เราจึงได้นำขั้นตอนการแต่งตาแบบพื้นฐานสำหรับสาว ๆ มาฝากกันนั่นเอง
1. ใช้ที่ดัดขนตาเสมอ
การดัดขนตาก่อนที่จะปัดมาสคาร่านั้น จะช่วยยกขนตา และทำให้ดวงตาคุณดูโตขึ้นได้ ซึ่งนี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะกับสาวที่มีขนตาค่อนข้างน้อยและบาง ซึ่งสังเกตเห็นได้ยากหากไม่ดัดและปัดขนตาเสียก่อน เมื่อดัดขนตาเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนการปัดขนตาต่อไป เครื่องสําอางเกาหลี
2. เลือกใช้มาสคาร่าที่เหมาะสม
มาสคาร่านั้นมีหลายประเภท และให้ผลหลังการปัดที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นมาสคาร่าแบบเพิ่มความยาว แบบเพิ่มความงอนงาม แบบเพิ่มความหนา ทั้งนี้ลักษณะของแปรงที่แตกต่างกันก็ให้ผลที่แตกต่างกันด้วย จึงควรเลือกประเภทของมันให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ นอกจากนี้การเลือกใช้สีของมาสคาร่าให้เหมาะสมตามแต่ละโอกาส ก็จะช่วยให้เปลี่ยนบุคลิกของคุณให้สมกับกาลเทศะด้วยค่ะ
3. ปัดมาสคาร่าอย่างถูกต้อง
การปัดมาสคาร่าที่ถูกต้อง ให้เริ่มที่โคนขนตา แล้วปัดในทิศทางขึ้นไปจนสุดปลายขนตา นอกจากนี้การขยับมือซิกแซ็กขณะปัด จะช่วยให้ขนตากระจายตัวไม่เกาะเป็นก้อนด้วย เมื่อรอบแรกแห้งแล้ว สามารถปัดซ้ำอีกครั้งหนึ่งได้ แต่ไม่ควรปัดมากเกินกว่า 2 ครั้ง เพราะจะทำให้ขนตาหนักเกินไป และรู้สึกไม่สบายเปลือกตาค่ะ
4. ปัดขนตาล่างแต่พอดี
การปัดขนตาล่างนั้น ไม่ควรหนักมือเท่ากับขนตาบน เพราะจะทำให้เลอะง่าย ทั้งยังรู้สึกหนักและเหนอะอีกด้วย หลังจุ่มแปรงปัดลงในน้ำยา และปัดขนตาบนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ปัดขนตาล่างต่อได้เลย โดยไม่ต้องจุ่มน้ำยาซ้ำอีกครั้ง เครื่องสําอางเกาหลี
แม้จะเป็นเพียงขั้นตอนการปัดขนตาแบบพื้นฐาน แต่รับรองว่าถ้าทำได้ครบถ้วนตามนี้ คุณผู้หญิงก็จะมีดวงตากลมโตน่ามองแน่นอนค่ะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)