วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556
แนะนำ! สูตรลับหน้าขาวใส
การ มีผิวหน้าขาวใส คือ ความฝันที่ฟินที่สุดสำหรับสาวๆ เลยก็ว่าได้ แต่เราจะทำอย่างไรหล่ะค่ะให้เรามีผิวหน้าความใสดั่งใจฝัน มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เลยใช่ไหมหล่ะค่ะ สาวๆ นั้นรู้กันดีว่าเคล็ดลับความสวยความงามนั้นมีเยอะ แต่ว่าถึงแม้มันจะมีให้เลือกเยอะ แต่มันก็ยุ่งยากมากๆ ซึ่งบางคนนั้นแทบจะทำแล้วไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ มันเครียด มันเครียด มันเครียด แต่ ณ วันนี้วันนี้เพื่อความสวยของสาวๆ แล้วเราก็จะมา แนะนำ! สูตรลับหน้าขาวใส มาฝากสาวๆ กันค่ะ สำหรับ สูตรลับหน้าขาวใส นี้นะค่ะก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับความงามง่ายๆ ที่เชื่อว่านี่คงเป็นเคล็ดลับที่สาวๆ กำลังตามหาอย่างแน่นอนค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้มั่นใจมากๆ ว่าสาวๆ ทั้งหลายนั้นคงอยากที่จะรู้แล้วว่า สูตรลับหน้าขาวใส ที่เรานำมาฝากนี้จะเป็นอย่างไร แล้วจะง่ายขนาดไหน ถ้าอย่างนั้นพร้อมแล้วเราก็ไปพิสูจน์การมีวหน้าเนียนใสด้วย สูตรลับหน้าขาวใส กันเลยค่ะ
เผย สูตรลับหน้าขาวใส
วิธีทำ
ผสม น้ำมะขามเปียก นมสด และน้ำผึ้ง (ใส่นมสด และน้ำผึ้งแค่ครึ่งหนึ่งของน้ำมะขามเปียก) จากนั้นตั้งไฟอ่อนๆ คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น เป็นอันว่าเสร็จแล้วค่ะ etude house
วิธีเก็บรักษา
ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วแช่ในตู้เย็น สามารถ เก็บไว้ได้นานเท่าที่ต้องการเลยค่ะ
วิธีใช้
ล้าง หน้าด้วยน้ำเปล่า เช็ดให้แห้ง แล้วทาครีมมะขามเปียกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที หรือนานเท่าใดก็ได้ ตามใจผู้ใช้ แล้วล้างออกตามปกติ
ข้อควรระวัง
หลีกเลี่ยงการทาบริเวณดวงตา เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองได้
ข้อพึงกระทำ
ถ้า ต้องการให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรทาครีมมะขามเปียกในขณะที่ครีมเย็น หรือเพื่งจะเอาครีมออกจากตู้เย็น เพราะความเย็นจะทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าก็จะเรียบขึ้นค่ะ etude house
สูตรที่ 2 สูตรหน้าขาวใสด้วยธรรมชาติ
1. แป้งดินสอพอง
2. ขมิ้นหรือไพร
3. มะขามเปียกหรือมะนาว
ละลาย ดินสอพองไม่ต้องแฉะมากให้พอข้น แล้วผสมไพรหรือขมิ้น และมะนาวหรือมะขามเปียก ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า ใบหน้าของคุณก็จะขาวใสขึ้นค่ะ
ที่มา...n3k.in.th
เทคนิคแต่งหน้าตามรูปหน้า
หน้ารูปไข่
สาว ที่มีใบหน้ารูปไข่ถือว่าเป็นผู้ที่มีรูปหน้าได้สัดส่วน สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่จำเป็นต้องแก้ไขรูปหน้าด้วยการใช้เครื่องสำอาง หรือว่าทำผมเพื่อดึงความสนใจออกไปจากจุดที่บกพร่อง เพียงแค่แต่งเติมเพื่อขับเน้นความงามตามธรรมชาติออกมาให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น เอง โดยเขียนคิ้วให้โก่งตามแนวธรรมชาติ(สาวคิ้วดกอย่าลืมกันขนคิ้วบางส่วนออกให้ เรียบร้อย) เขียนขอบปาก แล้วแต้มลิปสติกหรือทินต์ลงตรงกลางริมฝีปากล่าง เกลี่ยเม้มให้สีดูเป็นธรรมชาติ ปัดแก้มเป็นรูปตัว C เท่านี้ก็เน้นโครงหน้าสวย ๆ ให้น่ามองได้แล้ว
หน้ารูปเพชร
ใบ หน้ารูปเพชรคือคนที่มีช่วงหน้าผากและคางแคบ แต่มีช่วงแก้มที่กว้าง การแต่งหน้าสำหรับสาวหน้ารูปเพชรจึงต้องพรางให้ช่วงแก้มดูแคบลง โดยการใช้รองพื้นที่มีสีเข้มกว่าผิวจริงหนึ่งเฉดที่บริเวณกรอบนอกใบหน้าตรง ช่วงแก้ม โดยเกลี่ยตั้งแต่ช่วงหางตาทั้งสองข้างลงมา ส่วนที่บริเวณหน้าผากและคางให้ใช้ครีมรองพื้นที่มีสีอ่อนกว่าผิวจริง เพื่อขยายพื้นที่ทั้งสองบริเวณนี้สมดุลกับความกว้างของใบหน้าช่วงโหนกแก้ม นั่นเอง สำหรับคิ้ว อย่าเขียนให้หัวคิ้วทั้งสองอยู่ชิดกันมากเกินไปนัก เพราะจะยิ่งทำให้หน้าผากดูแคบขึ้น ส่วนริมฝีปากให้เลือกใช้ลิปสติกในโทนสีธรรมชาติมากว่าที่จะเลือกแบบที่มีสี สว่าง ๆ เครื่องสําอางเกาหลี
หน้ารูปหัวใจ
สำหรับ ผู้ที่มีคางแคบแต่หน้าผากกว้างทำให้ใบหน้าดูเป็นรูปหัวใจ การแต่งหน้าต้องเพิ่มความกว้างให้คาง ขณะเดียวกันก็ลดความกว้างของช่วงหน้าผากด้วย โดยการใช้ครีมรองพื้นสีอ่อนกว่าผิวจริงที่ช่วงคาง และใช้เฉดที่เข้มกว่าในช่วงหน้าผาก ส่วนคิ้วให้ร่างโค้งตามแนวธรรมชาติโดยไม่ต้องเน้นให้โก่งนัก สำหรับริมฝีปาก สาวหน้ารูปหัวใจสามารถเลือกใช้ลิปสติกสีใด ๆ ก็ได้ และหลอกตาให้คางและช่วงแก้มดูกว้างขึ้น ให้ใช้ไฮไลท์เตอร์ไล้ที่คางและข้างแก้ม ส่วนบลัชให้ปัดที่แนวโหนกแก้ม
หน้ารูปกลม
สาว หน้ากลมคือผู้ที่มีสัดส่วนความกว้างยาวของใบหน้าเท่ากันไปแทบทุกส่วน สิ่งที่สาวรูปหน้ากลมต้องทำก็คือเพิ่มความยาวให้กับใบหน้าและทำให้หน้าดู เรียวขึ้น โดยใช้ครีมรองพื้นที่เข้มกว่าสีผิวจริงหนึ่งเฉดที่บริเวณด้านข้างใบหน้า ตั้งแต่ข้างแก้มลงไปถึงกราม และปัดแก้มโดยปัดที่โหนกแก้มขึ้นไปหาขมับ จะทำให้หน้าดูเพรียวลงได้ จากนั้นก็สามารถแต่งตาและคิ้วได้อย่างที่ชอบ นอกจากนี้จะทำผมที่ด้านหน้าพอง ๆ ขึ้นไปสักนิด เพื่อเป็นการเพิ่มความยาวให้กับใบหน้าด้วยก็ได้
หน้ารูปเหลี่ยม
ใบ หน้ารูปเหลี่ยมคือมีช่วงความกว้างของหน้าผากและกรามกว้างพอ ๆ กันแถมยังเห็นเป็นเหลี่ยมดูไม่นุ่มนวล คอนเซ็ปต์ของการแต่งหน้าสำหรับสาวรูปหน้าเหลี่ยม คือการทำให้หน้าดูซอฟท์ลง และพรางเหลี่ยมมุมของใบหน้า โดยการใช้ครีมรองพื้นเฉดสีเข้มที่ช่วงขมับ กราม และด้านข้างของใบหน้า ส่วนแก้มให้ปัดโดยไล้ที่ช่วงสันกรามด้วย ทางด้านคิ้ววาดให้เพิ่มความโค้งเล็กน้อยจะทำให้องค์ประกอบของใบหน้าดูนุ่ม นวลขึ้น
รูปหน้ายาว
สาว รูปหน้ายาวคือมีสัดส่วนของความยาวใบหน้ามากกว่าความกว้าง ทั้งยังมีช่วงแก้มที่ค่อนข้างแคบ เพื่อพรางความยาวเกินไปของใบหน้า ให้ใช้ครีมรองพื้นเฉดสีอ่อนกว่าผิวจริงที่บริเวณด้านข้าง และใช้เฉดที่เข้มกว่าที่ช่วงหน้าผากกับคาง นอกจากนี้สาวรูปหน้ายาวสามารถเขียนคิ้วให้เข้มได้ เพื่อช่วยหลอกตาให้ความยาวของใบหน้าดูจมลงไปกับความเข้มของคิ้ว และแต่งตาให้ดูโตขึ้นโดยลากอายไลน์เนอร์ให้หนาขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางดวงตาลงไป จรดที่หางตา ปัดแก้มโดยไม่ปัดให้ขึ้นไปสูงกว่าช่วงหางตา และไม่เลยลงไปมากกว่าระดับปลายจมูก ก็จะช่วยพรางให้ใบหน้าเกิดความสมดุลได้
หน้ารูปลูกแพร์
สาว ใบหน้ารูปลูกแพร์คือคนที่มีช่วงหน้าผากแคบ เมื่อเทียบกับใบหน้าส่วนล่างอย่างแก้มและคางที่ผายออกกว้างกว่า สำหรับสาวรูปหน้าเช่นนี้ให้ใช้ครีมรองพื้นเฉดที่เข้มกว่าผิวจริงกับส่วนด้าน ข้างของแนวสันกราม วาดคิ้วให้ปลายโค้งและเรียวบาง ปัดแก้มโดยให้เบลนไปกลมกลืนไปกับกราม เพื่อให้ช่วงใบหน้าด้านล่างดูเรียวขึ้นรับกับส่วนหน้าผากนั่นเอง เครื่องสําอางเกาหลี
ไม่ ว่าสาว ๆ จะมีรูปหน้าแบบไหน ก็สามารถแต่งหน้าให้ดูสวยกันได้หมดทุกคน เพียงแค่รู้จักพรางจุดบกพร่องและเสริมจุดเด่นให้ดูดีขึ้น เท่านี้หน้าตาก็ดูลงตัวแบบเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแล้วล่ะค่ะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
Pilates (พิลาทิส) ศาสตร์แห่งการการออกกำลังกายเพื่อชีวิต
ช่วง หลังมานี้มีเทรนการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมในหมู่ Hollywood เซเลปเบอร์ตี้ หรือเเม้เเต่เหล่าบรรดาดาราไทยก็เล่นกันอย่างเเพร่หลาย กับการออกกำลังกายที่เรียกว่า Pilates (พิลาทิส) เป็นกสรออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างภายในร่างกาย
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีนั้น มีหลายวิธีด้วยกัน แต่วันนี้จะมานำเสนอรูปแบบของการออกกำลังกายแบบใหม่ที่น่าสนใจมาก ซึ่งการ ออกกำลังกายชนิดนี้เรียกว่า “Pilates” โดยเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อทศวรรษที่ 80 โดยชาวเยอรมันเป็นผู้คิดค้น
และวันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า Pilates คืออะไร?
Pilates (อ่านว่าพี-ลาห์-ตีส) คือรูปแบบการออกกำลังกายที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างภายใน ร่างกาย รวมทั้งท่วงท่า และเป็นการออกกำลังกายเพื่อสร้างความฟิตด้วย ลองคิดถึงการเหยียดแขนออกไป ข้างตัวให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือนั่งลงด้วยการกางขาออกมาข้างหน้าและยกขึ้นเหนือพื้น Pilates เป็นรูปแบบของออกกำลังกายที่จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อของคุณสมบูรณ์แข็งแรงและ ป้องกันอาการบาดเจ็บด้วยชื่อ Pilates มาจากไหน?
Pilates เป็นการบริหารร่างกายที่เกิดจากการคิดค้นของโจเซฟ พีลาห์ตีส ชาวเยอรมัน โดยเขาเกิดในปี 1880 สมัยเป็นเด็กพีลาห์ตีสเป็นเด็กที่ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ก่อนจะตัดสินใจหัดเล่นยิมนาสติกเพื่อทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น หลังจากนั้นพีลาห์ตีสก็กลายเป็นผู้คลั่งไคล้ในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพไป ทันที โดยเขาเคยเล่นทั้งโยคะกับ Tai Chi ก่อนจะคิดค้นการออกกำลังกายของตัวเองขึ้นมาในช่วงต้นศตวรรษ 1990 โดยผสมผสานรูปแบบการออกกำลังที่หลากหลายที่เคยเรียนมาในชีวิตและเทคนิคของ ตัวเอง เพื่อช่วยให้ผู้เล่นปราศจากอาการบาดเจ็บให้ได้ ซึ่งรูปแบบการออกกำลังกายของเขาก็ประสบความสำเร็จ ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ตั้งแต่นักเต้นบัลเลต์ จนถึงนักรักบี้“ผมต้องเป็นฝ่ายถูก ไม่มีวันใช้แอสไพริน ไม่มีวันเจ็บป่วยในชีวิตของผม ทั่วทั้งประเทศ ทั่วทั้งโลกน่าจะออกกำลังกายในแบบของผม และพวกเขาจะมีความสุข” โจเซฟ พีลาห์ตีส กล่าวไว้เมื่อปี 1965 ขณะที่มีอายุ 86 ปี
คุณจะเล่น Pilates อย่างไร?
Pilates นิยมเล่นกันบนเสื่อ และส่วนใหญ่จะสอนกันในชั้นเรียน แต่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษบางคนมีเครื่องมือของตัวเองก็สามารถทำได้เช่นกันอย่างแรกเลยการเล่น Pilates คือการเรียนรู้ความสำคัญของการเคลื่อนไหวด้วยลมหายใจ ขณะที่คุณค่อยๆพัฒนาขึ้น การออกกำลังกายก็จะประสานกันเพื่อสร้างสรรค์การเคลื่อนไหวของร่างกายให้ไหล เวียนอย่างต่อเนื่อง
Pilates มีการเล่นที่หลากหลายรูปแบบ ซึ่งผู้เรียนสามารถนำมาประยุกต์เพื่อปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองที่สุดได้ และเสริมสร้างความมั่นใจด้วยการเรียนกับผู้สอนที่มีประสบการณ์ และอย่ากลัวที่จะถามพวกเขาว่าทำอย่างไรคุณถึงจะทำมันได้อย่างถูกต้อง
หลักของ Pilates
- ผ่อนคลาย
- ทำร่างกายให้ตรง
- ควบคุม
- กระชับและประณีต
- ทำเป็นกิจวัตร
- การหายใจ
- หาจุดศูนย์กลาง
- เคลื่อนไหวอย่างไหลลื่น
ที่มา..lovefitt.com
เทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่น
ขา เรียวสวยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการ แต่ค่ะแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะค่ะที่เราจะมีขาเรียวสวยอย่างที่ต้องการ และถึงมีวิธีสาวๆ ส่วนใหญ่บางคนก็ขี้เกียจทำอะแบบว่าแต่ละเคล็ดลับวิธีนั้นก็ยุ่งยาก ลำบากอะสุดๆ อยากสวยนะจริงๆ แต่ว่ามันเยอะอะค่ะ ทำยังงัยดี นี้เป็นแบบนี้ก็แย่หน่ะสิค่ะสาวๆ อะๆ แต่ไม่ต้องห่วงไปค่ะเพราะว่าวันนี้ทาง N3K นั้นมี เทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่น มาฝากกันค่ะ อะๆ ถูกใจหล่ะสิท่านี้เป๊นเทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่นเลยน๊าแล้วสาวๆ คนไหนจะไม่ชอบหล่ะจริงไหมหล่ะค่ะ อะงั้นเอาเป็นว่าตอนนี้นะค่ะเราไปดู เทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่น กันเลยดีกว่านะค่ะว่าจะเริ่ดแค่ไหน สาวๆ ทั้งหลายพร้อมกันหรือยังค่ะ ถ้าเกิดว่าสาวๆ พร้อมแล้วไปปฏิบัตตาม เทคนิคการมีขาเรียว....ฉบับสาวญี่ปุ่น กันเลยจร้า
แนะนำ เทคนิคการมีขาเรียว
1. ถนอมขาด้วยท่านั่ง
ไม่ นั่งไขว่ห้าง คนที่นั่งไขว่ห้างเป็นประจำมักจะมีเส้นเลือดขอด เพราะการนั่งแบบนี้ทำให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนไม่สะดวก ยิ่งถ้านั่งตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น กระดูกขาอาจจะโก่ง ต่อให้ขาเรียวแค่ไหนก็หมดสวยอยู่ดี เครื่องออกกำลังกาย
อย่า ยืนขาข้างเดียว น้ำหนักตัวคนเราไม่ใช่แค่สองสามกิโลเป็นภาระหนักมากสำหรับขา ที่จะต้องยืนแบกมันไว้ สิ่งที่ตามมาก็คือเส้นเลือดขอด ขาบวม และเส้นประสาทปลายเท้าที่อาจจะอักเสบ ถ้ายังไงควรจะรักขาอย่างยุติธรรม แบ่งงานให้เท่าทั้งสองข้าง เพื่อถนอมความสวยไว้ให้เรียวน่องของคุณไง
ยืดเส้นที่ขาทุกวัน เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อและสลายไขมันที่เกาะใต้ผิวหนัง จะได้ป้องกันเซลลูไลท์และอาการขาหมูไปในตัว
Tip : วิธียืดเส้นแบบง่ายๆ ให้นั่งกับพื้น ยืดหลังตรง กางขาทั้งสองข้างออกให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก้มตัวลง เหยียดแขนขวาไปแตะปลายเท้าขวา ค้างไว้ 10 วินาทีแล้วยืดตัวขึ้น จากนั้นหันไปแตะปลายเท้าซ้ายอีก10 วินาที ทำสลับไปมาหลายๆ ครั้ง
2. นวดต่อมน้ำเหลือง
ถ้า ขาสวยอยู่แล้ว การนวดต่อมน้ำเหลืองจะช่วยป้องกันไม่ให้ขามีอาการบวมน้ำจนอวบเป็นหัวไชเท้า ขั้นตอนการนวดไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่นอนแช่น้ำอุ่นแล้วนวดเบาๆ ไล่จากข้อเท้าขึ้นมาหาต้นขา เพื่อให้ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี หลังจากขึ้นจากอ่างน้ำก็นวดซ้ำอีกรอบ วันรุ่งขึ้นขาอวบๆ จะเล็กลงอย่างน่าตกใจ คนที่มีไขมันสะสมที่ขามาก ถ้าใช้วิธีนี้ก็จะช่วยสลายไขมันอย่างได้ผลด้วย
Tip : ถ้าที่บ้านไม่มีอ่างขนาดใหญ่ให้ลงไปนอนแช่ จะใช้วิธีผสมน้ำอุ่นในกาละมังใบใหญ่ๆ แล้วนั่งตัวตรง แช่เท้าลงไปพร้อมกับนวดสักครั้งชั่วโมงแทนก็ได้ เครื่องออกกำลังกาย
3. เดินเล่นเพื่อขาสวย
คน ที่ยืนนานๆ หรือนั่งอยู่กับที่นานๆ มักจะมีเส้นเลือดขอด การเดินนี่ล่ะจะช่วยเรียกขาเรียบเนียนกลับมาหาคุณอีกครั้ง ยิ่งเดินนานเท่าไรไขมันสะสมก็จะยิ่งหมดไป ทำให้น่องกระชับ แต่ถ้าอยากสนุกมากกว่านั้น อาจจะเปลี่ยนจากเดินมาเต้นรำแทนก็ไม่เลว จะได้ทั้งขาสวยและความลั้นลาในเวลาเดียวกัน
ที่มา..n3k.in.th
วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556
6 เคล็ดลับ "การทาครีมบำรุงผิว" ให้ถูกวิธี
ผิว ของเราเป็นสิ่งที่ยากจะดูแลอย่างเข้าถึงและจะว่าไปนั้นการดูแลผิวในแบบต่างๆ ก็มีมากมายให้เลือก แต่รู้หรือไม่ค่ะว่ามีอีกหนึ่งวิธีใกล้ตัวมากๆ และเป็นวิธีที่สาวๆ มองข้ามไปแล้วด้วย มองหาไกลเกิน ทั้งขัดผิว นวดตัว เข้าสปา เปลืองค่ะบอกเลย สิ่งที่วันนี้เราอยากจะบอกนั้นคือ การทาครีมบำรุงผิว นั้นเองค่ะ งง หล่ะสิค่ะว่าการทาครีมบำรุงผิวนั้นจะละเลยได้ยังงัย เป็นสิ่งที่ไม่เคยมองข้ามเลยน๊าจริงๆ ก็ที่จะบอกคือว่า การทาครีมบำรุงผิวให้ถูกวิธีไงหล่ะค่ะ ฮั่นแน่! อยากรู้หล่ะสิว่า การทาครีมบำรุงผิวให้ถูกวิธีนั้นต้องทาแบบไหน งั้นไม่ต้องสงสัยนานหรอกนะค่ะ เพราะว่าวันนี้เรามี 6 เคล็ดลับ "การทาครีมบำรุงผิว" ให้ถูกวิธี มาฝากกันค่ะ เชื่อว่าถ้าสาวๆ คนไหนที่ลองทำตาม 6 เคล็ดลับ "การทาครีมบำรุงผิว" ให้ถูกวิธี นี้รับรองว่าจะช่วยทำให้ผิวของคุณดูสวยเนียนใสอย่างที่ใจคุณต้องการเลยค่ะ บ่องตง อิอิ
การทาครีมบำรุงผิว ให้ถูกวิธี
1. ทำความสะอาดผิวหน้า
แล้วใช้ผ้าขนนุ่มๆ ซับหน้า อย่าเช็ดไปมาเพราะจะทำให้เกิดรอยเเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ครีมหน้าใส
2. ใช้ปริมาณครีมให้พอเหมาะ
เพราะ ถ้างกใช้น้อยเกินไปก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพ แต่ถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ผิวหน้ามันแถมยังเปลืองโดยใช่เหตุ ปริมาณที่พอเหมาะคือประมาณ 1 ข้อนิ้วมือ หรือ 1 ลูกเชอร์รี่
3. แต้มครีมตามจุด 5 จุดบนใบหน้า
คือ หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และคาง
4. ใช้นิ้วกลางและนิ้วนาง เกลี่ยบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน
เช่น โหนกแก้ม โดยเริ่มจากส่วนกลางไปยังส่วนข้างๆ ตามด้วยแนวสันจมูก ใต้โพรงจมูก คาง และหน้าผาก อย่าลืมเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้หน่อยเพราะควรใช้ eye cream สำหรับรอบดวงตา
5. ระหว่างทาครีม การลงน้ำหนักนิ้ว ขอให้เบาที่สุด
เพราะผิวหน้านั้นแสนบอบบาง หากลงน้ำหนักแรงเกินไป อาจจะทำให้เกิดรอยย่นก่อนวัยอันควรได้ ครีมหน้าใส
6. สำหรับรอบดวงตาควรใช้ปริมาณเนื้ออายครีมประมาณ 1 เมล็ดถั่วเขียว
แล้ว ใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทา เพราะเป็นนิ้วที่ลงน้ำหนักเบาที่สุด โดยทาครีมไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตา อาจเริ่มที่หัวตาหรือหางตาก่อนก็ได้ แล้ววนครีมรอบๆ ดวงตา จะวนเข้าหรือวนออกก็ได้ตามถนัด แต่ต้องวนไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองข้าง
ที่มา...n3k.in.th
ปกปิดรอยคล้ำ และรอยสิวให้เนียนเรียบ
รอย สิวกวนใจที่ไม่ยอมหายไปจากใบหน้าเสียที ทำอย่างไรจึงจะปกปิดให้เนียนเรียบ และไม่ดูโบ๊ะได้ วันนี้ WP มีคำตอบค่ะ เริ่มจากการเลือกรองพื้นให้เหมาะกับสภาพผิว อาจทดลองทาที่บริเวณท้องแขนก่อน เพื่อทดสอบว่าคุณแพ้รองพื้นนั้นหรือไม่ เมื่อได้รองพื้นแล้วให้บีบลงที่หลังมือ ใช้นิ้วถูวนรองพื้นสักพักเพื่อเป็นการวอร์มให้มีอุณหภูมิเดียวกับผิว ซึ่งจะทำให้รองพื้นซึมเป็นเนื้อเดียวกันกับผิวง่ายยิ่งขึ้น เครื่องสําอางเกาหลี
จากนั้นใช้แปรงค่อย ๆ ทารองพื้นลงบนใบหน้า เริ่มจากด้านในออกด้านนอก เกลี่ยไปเรื่อย ๆ จนเนียนเท่ากันทั้งใบหน้า สำหรับคนที่มีผิวแห้งให้ใช้ฟองน้ำจุมน้ำพอหมาดแล้วบีบน้ำออก นำมากดเบา ๆ ทั่วใบหน้าก็จะแลดูชุ่มชื่นขึ้น ต่อด้วยการเลือกคอนซิลเลอร์ที่มีสีใกล้เคียงกับรองพื้นที่ใช้มากที่สุด วอร์มเนื้อคอลซิลเลอร์เช่นเดียวที่ทำกับรองพื้น แล้วจึงใช้แปรงแต้มลงบริเวณที่มีรอยสิว กดเบา ๆ แล้วใช้นิ้วเกลี่ยรอบ ๆ จนกลืนเข้ากับผิว อย่าลืมทาคอลซีลเลอร์ที่บริเวณใต้ตาและร่องข้างปีกจมูกเพื่อปกปิดรอยคล้ำและ รอยแดง เครื่องสําอางเกาหลี
สุดท้ายลงแป้งแบบไม่มีสีบาง ๆ ทั่วใบหน้า เพื่อไม่ให้สีของรองพื้นเพี้ยนไปจากเดิม เท่านี้รอยคล้ำและรอยสิวบนใบหน้าก็จะเนียนหาย ไม่สามารถออกมาทำลายความมั่นใจของคุณได้อีกต่อไป
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556
Samsung เผยโฉม Galaxy S4 เวอร์ชั่นสีทอง
เพียง สองสัปดาห์หลังจากที่ Apple ประกาศเปิดตัว iPhone 5S ที่มีสีเทาดำ (Space Gray), สีทอง (Gold) และสีเงิน (Silver) โดยสีทองเป็นสีที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคตั้งแต่ช่วงแรกที่ เริ่มวางจำหน่าย ล่าสุดทางฝั่ง Samsung เองก็กระโดดเข้าร่วมวงด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ซัมซุง Galaxy S4 เวอร์ชั่นสีทอง
ซัมซุง Galaxy S4 เวอร์ชั่นสีทอง ถูกเผยโฉมผ่านทวิตเตอร์ของซัมซุงที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีให้เลือกสองแบบ คือสีทองน้ำตาล (Gold Brown) และสีทองชมพู (Gold Pink) แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าทั้งสองรุ่นจะมีวางขายที่ประเทศอื่นบ้างหรือไม่
ที่มา...siamphone.com
เผยผิวหน้ากระจ่างใส
แนะนำเคล็ดลับการ "เผยผิวหน้ากระจ่างใส"
ถ้า เราพูดถึงการมีผิวหน้าที่กระจ่างใส แน่นอนว่าสาวๆ จำนวนไม่น้อยค่ะที่จะอยากได้เคล็ดลับดีๆ เพื่อที่จะมาดูแลผิวหน้าของตัวเอง แต่ค่ะ...แต่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเคล็ดลับการมีผิวหน้าที่สวยใสนั้นมีเยอะ เยอะเวอร์ แล้วแต่ละวิธีนั้นก็ยุ่งยากและสิ้นเปลืองมากๆ ถ้าจะให้สู้จนวินาทีสุดท้าย เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนท้อค่ะ เห้อถ้าแบบว่างบไม่ถึงเนี้ยเราจะไม่มีโอกาสสวยกันเลยหรอค่ะ เพราะอะไร โทษฟ้า โทษดาวไปเรื่อยแล้วทีนี้ เข้าโหมดดราม่าได้อย่ารวดเร็ว มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปหรอกค่ะ ความสวยเป็นของที่คู่กับผู้หญิงทุกคน ถึงแม่จะไม่มีงบเราก็สวยได้ไม่แพ้ใคร สวยแบบชิวๆ ไงค่ะ แล้ววันนี้นะค่ะวันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับการ "เผยผิวหน้ากระจ่างใส" ให้สาวๆ ได้รู้กันค่ะ สำหรับ เคล็ดลับการ "เผยผิวหน้ากระจ่างใส" นี้ก็เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ไม่สิ้นเปลืองและไม่ยุ่งยากอะไร ต่อไปนี้เคล็ดลับนี้แหละค่ะจะช่วยให้สาวๆ เผยผิวหน้ากระจ่างใส ของตัวเองได้อย่างเต็มที่
7 เคล็ดลับการ "เผยผิวหน้ากระจ่างใส"
ขั้นที่1 ล้างเครื่องสำอางค์
มี ทั้งแบบออยล์ แบบน้ำนม ครีม เจล มูส จะใช้แบบไหนก็แล้วแต่ผิวหน้าแต่ละคน สาวๆจำเป็นอย่างยิ่งต้องล้างหน้าให้สะอาด เหตุที่สิวขึ้นก็มีส่วนจากการที่เราล้างหน้าไม่สะอาด และส่งผลให้ครีมบำรุงที่เราประโคมทากันเข้าไปซึมซาบถึงผิวหนังได้ไม่ดี บำรุงยังไงก็ไม่ถึงชั้นผิวหนังอยู่ดี ถ้าเราล้างหน้าอย่างสะอาดครีมที่เราทาก็จะมีประสิทธิมากยิ่งขึ้น etude house
ขั้นที่2 สบู่ โฟม เจลล้าง
เพื่อขจัดฝุ่นละอองที่อุดตันรูขุมขน เลือกใช้ตามสภาพผิวหน้าของแต่ละคน หรือเพื่อปรับผิวขาว ผิวแพ้ง่าย
ขั้นที่3 โทนเนอร์ - โลชั่น
โทน เนอร์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ยังตกค้างจากการล้างหน้า เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาดผิวและยังช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าอีก ด้วย ที่สำคัญควรใช้แบบที่ไม่ผสมแอลกฮอล์ ต้องเลือกดูให้ดีๆ แล้วใช้โลชั่นเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอีกที
ขั้นที่4 เอสเซนส์ เซรั่ม
เอสเซ้นส์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เซรั่มจะมีความเข้มข้นมากกว่า จะช่วยลดริ้วรอย กระชับใบหน้าให้เรียบเนียน
ขั้นที่5 บำรุงรอบดวงตา
จะ มีแบบเพื่อลดริ้วรอยและเพื่อลดรอยคล้ำใต้ดวงตา ซึ่งจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตา ดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ เด๊ยวอีกหน่อยรอยตีนมามาครีมอะไรก็เอาไม่อยู่นะจ๊ะ
ขั้นที่6 เดย์ครีม ไนท์ครีม
ครีมบำรุงกลางวันและครีมบำรุงกลางคืน ส่วนมากเนื้อครีมจะเหนียว และส่วนผสมของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุมชื้นให้กับผิว etude house
ขั้นที่7 ครีมกันแดด
เพื่อ ป้องกันรังสียูวี และไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำ ควรทาเป็นประจำทุกวันเพื่อปกป้องผิวให้คงความผิวกระจ่างใสอยากผิวหน้าสวยใส ต้องหมั่นใส่ใจตัวเองนะจ๊ะ…
ที่มา...n3k.in.th
เทคนิคเติมความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก
วาดขอบปากด้วยดินสอที่มีสีเดียวกับสีปากตามธรรมชาติของคุณเป๊ะ
(หลีกเลี่ยงการใช้สีเข้ม เพราะจะทำให้ดูเหมือนมีวงแหวนอยู่รอบริมฝีปาก) จากนั้น ใช้พู่กันเกลี่ยเส้นขอบปากให้ดูนุ่มนวล
ทาลิปสติกสีชมพูอมเบจ
โดยเลือกชนิดที่ดูมันวาวเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้เรียวปากของคุณดูอวบอิ่มขึ้นได้ทันที
เพื่อให้ดูอวบอิ่มยิ่งขึ้น เครื่องสําอางเกาหลี
ก็ใช้อายแชโดว์สีขาวเรืองรองหรือสีทองแตะแต้มในบริเวณกึ่งกลางริมฝีปากบนและล่าง
ทาลิปกลอสทับลงไปบาง ๆ เครื่องสําอางเกาหลี
แต่หลีกเลี่ยงบริเวณมุมปาก เพราะเป็นบริเวณที่อาจทำให้ลิปกลอสดูไหลเยิ้มได้ จบด้วยการใช้พู่กันเปียก ๆ จุ่มลงในอายแชโดว์สีกุหลาบเรืองรอง แล้วนำไปไล้ตามรอยหยักบนริมฝีปาก
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556
เคล็ดลับการมีผิวสวยสุขภาพดี
ถ้า ถามว่านอกจากน่าตาที่สวยแล้วสิ่งต่อมาที่สาวๆ ส่วนใหญ่นั้นอยากที่จะให้สวยคืออะไร แน่นอนว่าคงต้องได้ยินเป็นเรื่องของการมีผิวสวยสุขภาพดีอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เป็นเรื่องยากนั่นก็คือการที่จะทำให้ผิวสวยสุขภาพดีมันยากมากๆ แล้วทีนี้เราจะทำยังไงกันหล่ะค่ะ รู้เลยว่าสาวๆ หลายๆ คนนั้นคงต้องกังวลเรื่องนี้อยู่แน่นอน แต่ไม่ต้องห่วงไปนะค่ะ เพราะว่าวันนี้เราจะมา เผย...เคล็ดลับการมีผิวสวยสุขภาพดี ให้สาวๆ ได้รู้กันค่ะ ก็เพราะสังเกตเห็นว่า เคล็ดลับการมีผิวสวยสุขภาพดี นั้นมีเยอะจริงค่ะ แต่มันค่อนข้างที่จะยุ่งยากมากๆ สาวๆ หลายๆ คนคงจะท้อค่ะ หยุดทำผิวสวยสุขภาพดีก็เลยไม่เป็นอย่างที่หวัง แต่นับจากนี้ไปปัญหานั้นจะไม่กวนใจสาวๆ ได้อีก เพราะว่าเคล็ดลับการมีผิวสวยสุขภาพดีจะช่วยฟืนฟูสภาพผิวของสาวๆ ให้สวยและมีสุขภาพดีอย่างที่สาวๆ ต้องการเลยคร้า
เคล็ดลับการมีผิวสวยสุขภาพดี
1. ผิวกระชับมาส์กหน้าด้วย มันฝรั่ง
มัน ฝรั่ง ป่น 2 ช้อนโต๊ะน้ำอุ่นเทน้ำอุ่นช้าๆลงในถ้วยที่ใส่ มันฝรั่ง ป่นและคนให้เข้ากันจนข้นก่อนมาส์กหน้าให้ใช้ครีม หรือน้ำมันเบบี้ออยล์เล็กน้อยทาใบหน้าบางเบาให้ทั่ว จากนั้นใช้พู่กันจุ่มมันฝรั่งข้นทาทั้งใบหน้าและลำคอ (ยกเว้นรอบดวงตาและลำคอด้านหลัง) ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ใช้ผ้าอุ่นชื้นประคบใบหน้าให้มาส์กอ่อนตัว (จนกว่ามันฝรั่งจะนิ่ม) แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ครีมหน้าใส
ข้อ แนะนำ การมาส์กหน้าด้วย มันฝรั่ง ป่นจะช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้เลือดไหลเวียนดีและทำให้ผิวกระชับเต่งตึง แต่จะทำให้ผิวแห้ง ดังนั้นจึงไม่ควรมาส์กหน้าด้วยมันฝรั่งบ่อยเกินไป
2. ผิวชุ่มชื้น
มันฝรั่งและนมน้ำมันฝรั่งต้ม 4 ช้อนโต๊ะนม 140 มิลลิกรัม
1. ต้มมันฝรั่งเล็กน้อย แล้วกรองน้ำที่ได้จากมันฝรั่งต้ม 4 ช้อนโต๊ะ เมื่อน้ำได้จากมันฝรั่งต้มเย็นตัวลง ให้ใส่นมลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นเก็บใส่ขวดไว้ในตู้เย็น เมื่อนำมาใช้ให้เขย่าขวดก่อนทุกครั้ง
2. ใช้ทาหน้าด้วยการนวดเบาๆเป็นวงกลม ทิ้งไว้สักครู่แล้วใช้ผ้าซับออก
3. ทำความสะอาดผิว
อัลมอนด์ เนยและมันฝรั่งสบู่ป่น 2 ช้อนชา
น้ำมันอัลมอนด์ 8 ช้อนโต๊ะ เนย 2 ช้อนชา
น้ำต้มมันฝรั่งที่กรองแล้ว 2 ช้อนชา
1. นำสบู่และน้ำมันอัลมอนด์ใส่ถ้วย และอุ่นในน้ำร้อนจนผสมเข้ากัน จากนั้นใส่เนยลงไปคนและตามด้วยน้ำต้มมันฝรั่ง
2. นำออกมาจากเตาและคนต่อไปอีก จนกระทั่งส่วนผสมที่ได้เย็นตัวลง เก็บใส่ขวดไว้
3. นำครีมที่ได้ใช้ทำความสะอาดใบหน้าเหมือนโลชั่น นวดใบหน้าเบาๆเป็นวงกลม ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น
4. บำรุง
ครีมมันฝรั่ง
ขี้ผึ้ง 3 3/4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันโจโจบา 1/4 ช้อนโต๊ะ
บอแร็กซ์ 1/4 ช้อนโต๊ะ
น้ำต้มมันฝรั่งกรองแล้ว (เย็น) 7 1/2 ช้อนโต๊ะ
1. ใช้ความร้อนอ่อนๆละลายขี้ผึ้ง และน้ำมันให้เข้ากัน ใส่ผงบอแร็กซ์ลงไปในน้ำต้มมันฝรั่ง จากนั้นค่อยๆ ใส่ส่วนผสมที่ว่านี้ลงไปคนกับขี้ผึ้งที่ละลายแล้ว
2. เอาขึ้นมาจากเตาและคนต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งส่วนผสามเย็นตัวลง
3. ทาใบหน้านวดเบาๆเป็นวงกลม ทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นใช้ผ้าซับออก
ข้อแนะนำ ครีมที่ได้นี้สามารถใช้ทามือได้ เป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิว ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม
ครีมหน้าใส
5. โลชั่นมันฝรั่ง สำหรับผิวมันและผิวธรรมดา
น้ำคั้นจากมันฝรั่งดิบ 1 แก้ว
น้ำมะเขือเทศ 1 แก้ว
1. ไสมันฝรั่งและคั้นเอาแต่น้ำใช้ผ้ากรองคั้นอีกครั้ง จากนั้นคั้นน้ำมะเขือเทศเอาแต่น้ำ
2. นำน้ำคั้นมันฝรั่งและน้ำมะเขือเทศผสมเข้าด้วยกัน ใช้สำลีชุบโลชั่นที่ได้เช็ดหน้าทั้งเช้าและเย็น
ข้อแนะนำ ควรเก็บโลชั่นสูตรทำเองไว้ในตู้เย็น
6. มืออ่อนนุ่ม
มันฝรั่งบด
มันฝรั่ง 2-3 ลูก
นมอุ่น 3-4 ช้อนโต๊ะ
ต้ม มันฝรั่งให้สุก ปอกเปลือกและบดให้เละ ใส่นมลงไปคนให้เข้ากัน แล้วจึงนำมาพอกมือให้หนา ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงค่อยล้างออก ผิวมือจะนุ่มขึ้น
ที่มา...n3k.in.th
ลิปติกสีส้ม ทาอย่างไรให้เกิด
ไม่ แต่งหน้าจัดเกินไป เพราะสีลิปสติกอย่างเดียวก็ร้อนแรงพอแล้ว เพราะฉะนั้นให้แต่งหน้าในโทนธรรมชาติ และไม่หนักมือกับการใช้อายไลน์เนอร์ มาสคาร่า และขนตาปลอมให้มากนัก
มั่นใจว่าเนี้ยบทุกรายละเอียด เพราะอย่าลืมว่าคุณมีลิปสติกสีส้มที่แสนจะโดดเด่นอยู่บนใบหน้า ผู้คนไม่แคล้วต้องจับจ้องมาที่ใบหน้าของคุณแน่นอน คุณจึงต้องเอาใจใส่กับรายละเอียดการแต่งหน้าว่าเนี้ยบเรียบร้อยทุกกระเบียด นิ้วจริง ๆ เครื่องสําอางเกาหลี
เลือกเสื้อผ้าที่เข้ากันได้กับสีส้ม ก่อนจะตัดสินใจโดดเด่นจี๊ดจ๊าดด้วยเรียวปากสีส้มแล้ว คุณต้องเช็คดูเสื้อผ้าที่คุณจะใส่ในวันนั้นด้วยว่ามันไปด้วยกันได้หรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องจงใจให้แมทช์กัน เพียงแต่เมื่อดูลุคโดยรวมแล้วไม่โดดออกจากกันก็พอ
สีลิปสติกเข้ากับสีผม นอกจากจะดูสีลิปสติกให้เข้ากับสีเสื้อผ้าแล้ว ยังต้องดูให้ไปกันได้กับสีผมอีกด้วย
เคล็ดลับในการเลือกใช้ลิปติกสีส้ม ลิปสติกเนื้อเชียร์สีส้มเหมาะกับผู้ที่มีผิวขาว ส่วนผู้ที่มีผิวคล้ำก็ใช่ว่าจะโชคร้าย เพราะสีผิวแบบนี้สามารถเข้ากันได้กับสีส้มสดใสหลากหลายเฉดเพียงแต่เลือกให้ เป็นเนื้อแมทเท่านั้น นอกจากนี้ยังจำเป็นที่จะต้องลองลิปสติกกับผิวจริง ๆ เพื่อดูว่าสีส้มเฉดนั้นสามารถเข้ากับสีผิวอันเดอร์โทนของคุณได้หรือไม่ (เช่น คนผิวขาวอมชมพู ขาวเหลือ ดำแดง ฯลฯ) เครื่องสําอางเกาหลี
รู้เคล็ดลับการใช่ลิปสติกสีส้มแบบนี้ เท่านี้ก็รับรองว่างานปาร์ตี้ครั้งหน้าคุณ "เกิด" แน่นอนค่ะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556
เคล็ดลับการมีผิวหน้าขาวใสได้ง่ายๆ
ไม่ ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมค่ะที่สาวๆ จะมีผิวหน้าที่ขาวใสไร้ริ้วรอยมาบดบัง แต่ถ้าจะว่ายากก็ไม่เชิง เพราะทุกวันนี้นวัตกรรมของความงามก้าวนำไปไกลมากๆ ประมาณว่าสวยด้วยหมอ สวยด้วยเข็มอะไรแบบนี้ แต่สมัยนี้วิธีนี้กลายเป็นเรื่องที่ธรรมด๊า...ธรรมดาไปเสียแล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อนนะหรอ หาเลยความรู้เกี่ยวกับศัลยกรรมเนี้ยไม่ค่อยน่าไว้ใจหรือทันสมัยเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ก็หาเหมือนกันค่ะ หาว่าหมอไหนดี หมอไหนเก่ง ราคาหรอค่อยคุย แพงเท่าไหร่ขอให้หน้าสวยยอมจร้า ออกมาสวย ออกมาเป๊ะเจ็บเท่าไหร่ไม่พูดค่ะ นี้เป็นเรื่องจริงที่เรารู้ๆ กัน แต่เรื่องศัลยกรรมเนี้ยถ้าไม่รวยจริงก็ต้องคิดนะค่ะ จะว่าไปแล้ววิธีนี้เหมาะกับคนมีตังอะบ่องตรง แล้วมองย้อมกลับนี่ถ้าฉันไม่มีเงินฉันสวยไม่ได้ใช่ไหม ไม่จริงเลยค่ะ ไม่จริงถึงคุณจะไม่มีเงิน แต่คุณก็สามารถสวยและมีผิวหน้าที่ขาวใสได้ง่ายๆ แถมยังไม่ต้องเจ็บตัวและเสียเงินแพงๆ ด้วย ก็วันนี้นะสิค่ะ วันนี้เราจะมาเผยเคล็ดลับ "การมีผิวหน้าขาวใสได้ง่ายๆ" ให้สาวๆ ได้รู้กันค่ะ บอกแล้วว่า เคล็ดลับ "การมีผิวหน้าขาวใสได้ง่ายๆ " เป็นเรื่องที่ง่ายฝุดๆ จริงๆ งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราอย่ามัวพูดพร่ำทำเพลงกันอยู่เลยค่ะ เราไปดูเคล็ดลับ "การมีผิวหน้าขาวใสได้ง่ายๆ " กันเลยดีกว่านะค่ะว่าจะง่ายขนาดไหน ครีมหน้าใส
เคล็ดลับ "การมีผิวหน้าขาวใสได้ง่ายๆ "
วิธีทำ ผสมน้ำมะขามเปียก นมสด และน้ำผึ้ง (ใส่นมสด และน้ำผึ้งแค่ครึ่งหนึ่งของน้ำมะขามเปียก) จากนั้นตั้งไฟอ่อนๆ คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น เป็นอันว่าเสร็จแล้วค่ะ
วิธีเก็บรักษา ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วแช่ในตู้เย็น สามารถ เก็บไว้ได้นานเท่าที่ต้องการเลยค่ะ
วิธีใช้ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เช็ดให้แห้ง แล้วทาครีมมะขามเปียกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที หรือนานเท่าใดก็ได้ ตามใจผู้ใช้ แล้วล้างออกตามปกติ
ข้อควรระวัง หลีกเลี่ยงการทาบริเวณดวงตา เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองได้
ข้อพึงกระทำ ถ้าต้องการให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรทาครีมมะขามเปียกในขณะที่ครีมเย็น หรือเพื่งจะเอาครีมออกจากตู้เย็น เพราะความเย็นจะทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าก็จะเรียบขึ้นค่ะ ครีมหน้าใส
สูตรที่ 2 สูตรหน้าขาวใสด้วยธรรมชาติ
1. แป้งดินสอพอง
2. ขมิ้นหรือไพร
3. มะขามเปียกหรือมะนาว
ละลาย ดินสอพองไม่ต้องแฉะมากให้พอข้น แล้วผสมไพรหรือขมิ้น และมะนาวหรือมะขามเปียก ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า ใบหน้าของคุณก็จะขาวใสขึ้นค่ะ
ที่มา...n3k.in.th
การทาครีมรองพื้น
การ ทาครีมรองพื้นนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งวิธีการใช้อุปกรณ์เสริมอย่างแปรงและฟองน้ำ แม้กระทั่งการทาด้วยวิธีเบสิคที่สุดอย่างการใช้นิ้วมือ ส่วนแต่ละวิธีจะมีประสิทธิภาพและความแตกต่างกันอย่างไรกันบ้างนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมมาช่วยไขข้อข้องใจให้คุณแล้วค่ะ
แปรง
การทาครีมรองพื้นโดยใช้แปรงนั้น นับว่าเป็นการทาครีมรองพื้นที่ให้ผลดีที่สุด ทั้งไม่เปลืองเนื้อผลิตภัณฑ์เช่นวิธีอื่น ๆ แล้ว ยังให้ลุคที่เป็นธรรมชาติ ไม่หนาไม่บางเกินไป ขนแปรงช่วยให้เนื้อของรองพื้นเข้าถึงทุกซอกมุมของพื้นผิว ช่วยให้การปกปิดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง เครื่องสําอางเกาหลี
ฟองน้ำ
เมคอัพอาร์ทติสหลาย ๆ คนไม่แนะนำให้สาว ๆ นักแต่งหน้ามือสมัครเล่นใช้ฟองน้ำในการทาครีมรองพื้น เนื่องจากตัวฟองน้ำจะดูดซับผลิตภัณฑ์รองพื้นเกินความจำเป็น กลายเป็นความสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แถมหากไม่มีการทำความสะอาดที่เหมาะสมฟองน้ำนี้ก็กลายเป็นแหล่งสะสมของ แบคทีเรียชั้นเยี่ยม พร้อมจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้เมื่อสัมผัสกับผิว ส่วนประสิทธิภาพของการเบลยครีมรองพื้นให้กลืนเรียบเนียนไปกับผิว ก็ยังถือว่าด้อยกว่าเมื่อเทียบกับการใช้แปรงอีกด้วย อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตฟองน้ำสำหรับทาครีมรองพื้นออกมาในรูป ทรงต่าง ๆ เพื่อใช้กับพื้นผิวและบริเวณที่แตกต่างกันของใบหน้าแล้ว
นิ้วมือ
เครื่องมือการทาครีมรองพื้นที่ใกล้ตัวและสามัญที่สุดเห็นจะเป็นนิ้วมือของ สาว ๆ เหมาะสมกับการแต่งหน้าสำหรับทุก ๆ วัน แม้ประสิทธิภาพจะไม่อาจเทียบเท่าการใช้แปรงหรือฟองน้ำ เพราะไม่อาจเข้าถึงซอกมุมเล็ก ๆ ของใบหน้าได้ แต่ก็นับว่าให้ผลงานที่ดีเพียงพอสำหรับการแต่งหน้าในทุก ๆ วัน (เว้นเสียแต่โอกาสพิเศษที่ต้องการความเนี้ยบเรียบร้อย และสวยเป็นพิเศษ) เครื่องสําอางเกาหลี
เพราะฉะนั้นหากเรียงลำดับประสิทธิภาพในการใช้อุปกรณ์สำหรับการทาครีมรองพื้น แล้ว "แปรง" จึงมีคะแนนนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยการใช้ "ฟองน้ำ" และ "นิ้วมือ" แต่อย่างไรก็ตามแม้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์แต่ละอย่างจะดีเพียงใด ก็ไม่สำคัญเท่ากับการให้ความสำคัญเรื่องการรักษาความสะอาดของอุปกรณ์นะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556
การดูแลผิวแพ้ง่าย
เช็ดผิวให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู เพราะผ้าขนหนูขนฟู ๆ อาจเป็นตัวทำลายชั้นผิวปกป้องตามธรรมชาติได้
ครั้งต่อไปที่คุณไปเลือกซื้อเสื้อผ้า ก็ควรเลือกเสื้อผ้านุ่ม ๆ อย่างผ้าฝ้าย หรือผ้าไหมลื่น ๆ พยายามหลีกเลี่ยงผ้าไนล่อนหรือผ้าขนสัตว์ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกับผิวได้ ครีมหน้าใส
เนื่องจากผิวแพ้ง่ายมักจะแห้งและขาดความชุ่มชื้น คุณจึงควรหาสเปรย์น้ำแร่ (สำหรับผิวแพ้ง่าย) มาคอยฉีดเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าเป็นระยะ ๆ ครีมหน้าใส
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
แต่งหน้าบนรถ
ผล การวิจัยในอังกฤษที่จัดทำโดยห้างสรรพสินค้า Debenhams พบว่าผู้หญิงอังกฤษร้อยละ 67 มักจะแต่งหน้าบนรถในระหว่างการเดินทางไปทำงานในตอนเช้า โดยผู้หญิงในวัยสามสิบกว่ามีแนวโน้มที่จะแต่งหน้าบนรถมากที่สุด ในขณะที่ผู้หญิงในวัยยี่สิบกว่ามีแนวโน้มจะแต่งหน้าในช่วงเย็นก่อนที่จะออก ไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนหลังเลิกงาน เครื่องสําอางเกาหลี
นอก จากนี้ผลวิจัยก็ยังพบว่า ผู้หญิงร้อยละ 89 เติมเครื่องสำอางในระหว่างการเดินทางบนรถ และส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการเติมลิปสติก โดยได้ระบุว่าอายไลน์เนอร์นับเป็นเครื่องสำอางที่ใช้ยากที่สุดในระหว่างการ อยู่บนรถ โดยมีผู้หญิงเพียงร้อยละ 33 เท่านั้นที่พยายามใช้ เครื่องสําอางเกาหลี
อย่าง ไรก็ตาม ผู้หญิงที่ต้องการมีความเชี่ยวชาญในการแต่งหน้าบนรถ ก็สามารถหันไปพึ่งพาวิดีโอสอนแต่งหน้าบนยูทูบได้ โดยเมกอัพกูรูหลายคนได้อัพโหลดวิดีโอสอนแต่งหน้าบนรถเอาไว้ รวมไปถึงวิดีโอการแต่งหน้าภายในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อให้แต่งหน้าเสร็จตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านและไม่ต้องไปแต่งหน้าบนรถก็มี ด้วยเช่นกัน
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556
แก้ปัญหาขอบตาดํา
ไม่ ได้ชอบเลยนะคะกับการที่อยู่ๆ ผู้หญิงอย่าเราๆ นี้จะต้องกลายเป็นเพื่อนของน้องหลินปิง เนี้ยๆ อะไรนะหรอค่ะ ก็การที่ผู้หญิงเรามีดวงตาคล้ำเป็นน้องแพนด้านี้ไง ไม่ชอบเลยบ่องตรง สาเหตุของปัญหาขอบตาดำเนี๊ยนะ ส่วนใหญ่ๆ เลยก็อาจจะเป็นเพราะว่า พักผ่อนน้อยค่ะ บางคนทำงานหนั หรืออ่านหนังสือสอบจนดึกดื่น และไม่ได้ดูแลก็เลยทำให้เกิดปัยหาที่น่าเบื่อแบบนี้ แล้วยังงัยหล่ะค่ะ เฟลวเลยไหมหล่ะจะแต่งหน้าปกปิดก็ไม่เนี้ย แต่ถึงอย่างไรก็อย่าได้กังวลใจไปค่ะทุกอย่างมีทางออกเสมอ แล้ววันนี้นะค่ะทาง N3K จะมา เผย " แก้ปัญหาขอบตาดํา " ให้สาวๆ ได้รู้กันค่ะ แล้วสำหรับเคล็ดลับ แก้ปัญหาขอบตาดํา นี้นะค่ะก็เป็นเคล็ดลับวิธีง่ายๆ แต่จะได้ผลแค่ไหนเราขอท้าสาวๆ มาพิสูจน์กันค่ะ ต่อไปนี้เลิกกังวลใจได้เลยค่ะว่าปัญหาขอบตาดำล้ำเป็นน้องแพนด้าจะไม่กล้า มากวนใจสาวๆ อีกแน่นอน
เคล็ดลับ แก้ปัญหาขอบตาดํา
สาเหตุมาจากหลายๆอย่าง เช่น
- การอดนอน สาวที่นอนดึกก็นอนให้เร็วขึ้นหน่อย
- กรรมพันธุ์ ถ้าเป็นมาตั้งแต่ญาติพี่น้อง พ่อแม่ อันนี้คงรักษายากหน่อย
- คนที่เป็นภูมิแพ้เส้นเลือดดำใต้ตาขยายใหญ่มากเกินไป ครีมหน้าใส
- ภาวะปานโอตะ คือ ความผิดปกติของเซลล์ที่สร้างเม็ดสีอยู่ผิดที่นั่นเอง
การรักษาแบบได้ผลช้า ๆ คือ ใช้ยาทาใต้ตาที่มีส่วนผสมของ Whitening เช่น วิตามินซี แต่ถ้าต้องการให้เห็นผลดีมากขึ้น และได้ผลเร็ว ๆ ต้องรักษาด้วยเลเซอร์ หรือเครื่องแสงเข้มข้น เป็นวิธีที่ได้ผลดี เลเซอร์ที่ใช้รักษาขอบตาดำได้ ที่นิยมมากที่สุดคือ Nd-yag laser นอกจากนี้เลเซอร์ตัวนี้ยังสามารถรักษาภาวะปานโอตะได้ด้วย
หลัง ยิงเลเซอร์ ผิวบริเวณนั้นจะเป็นสะเก็ด และสะเก็ดจะหลุดออกภายใน 1-2 อาทิตย์ และผิวของตาที่คล้ำก็จะดูขาวขึ้น เครื่องแสงเข้มข้น คล้ายกับเลเซอร์ แต่ต่างกันที่หลังจากยิงเสร็จแล้วจะไม่เป็นแผล แต่อาจจะเป็นสะเก็ดฝอย ๆ เล็กน้อย แต่เครื่องนี้ไม่สามารถรักษาภาวะปานโอตะได้ ครีมหน้าใส
ขอบ ตาดำเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลารักษากันนาน และถ้าไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี นอนหลับไม่เพียงพอ ไม่ช้าขอบตาก็กลับมาดำได้อีก ดังนั้น การดูแลเอาใจใส่รอบดวงตาเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเริ่มเป็นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ที่มา...n3k.in.th
เทคนิคการเติมความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก
วาดขอบปากด้วยดินสอที่มีสีเดียวกับสีปากตามธรรมชาติของคุณเป๊ะ
(หลีกเลี่ยงการใช้สีเข้ม เพราะจะทำให้ดูเหมือนมีวงแหวนอยู่รอบริมฝีปาก) จากนั้น ใช้พู่กันเกลี่ยเส้นขอบปากให้ดูนุ่มนวล เครื่องสําอางเกาหลี
ทาลิปสติกสีชมพูอมเบจ
โดยเลือกชนิดที่ดูมันวาวเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้เรียวปากของคุณดูอวบอิ่มขึ้นได้ทันที
เพื่อให้ดูอวบอิ่มยิ่งขึ้น
ก็ใช้อายแชโดว์สีขาวเรืองรองหรือสีทองแตะแต้มในบริเวณกึ่งกลางริมฝีปากบนและล่าง
ทาลิปกลอสทับลงไปบางๆ เครื่องสําอางเกาหลี
แต่หลีกเลี่ยงบริเวณมุมปาก เพราะเป็นบริเวณที่อาจทำให้ลิปกลอสดูไหลเยิ้มได้ จบด้วยการใช้พู่กันเปียกๆ จุ่มลงในอายแชโดว์สีกุหลาบเรืองรอง แล้วนำไปไล้ตามรอยหยักบนริมฝีปาก
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
พื้นฐานการดูแลผิวหน้า
วิธี เบื้องต้นในการดูแลสุขภาพที่ดีซึ่งจะมีผลทำให้เราสวยงามจากภายในสู่ภายนอก เช่น การพักผ่อน การออกกำลังกาย รับประทานอาหารครบหมู่ ดื่มน้ำสะอาดที่มากเพียงพอ หลีกเลี่ยงยาและสารเคมีโดยไม่จำเป็น ละความโกรธความเครียด หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อผิว แค่นี้ผิวก็แข็งแรงได้เองตามธรรมชาติอยู่แล้ว
วันนี้เรามีวิธีพื้นฐานดูแลผิวมาบอกกันค่ะ
1. เริ่มต้นด้วยการล้างให้สะอาดจริงๆ ไม่ได้หมายถึงล้างซ้ำหลายๆรอบ หรือล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้าตึงฝืด แต่ควรล้างให้ถูกวิธี ครบขั้นตอน อย่างเช่นใช้ Cleansing ล้างคราบเครื่องสำอางให้หมดจดอย่างเบามือ แล้วจึงล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวเราหรือบางคนอาจจะล้างแค่้น้ำ เปล่าสะอาดๆ จากนั้นตามด้วยโทนเนอร์หรือโทนิคที่ไม่มีส่วนผสมรุนแรงอย่างเช่น แอลกอฮอล์ เป็นต้น ครีมหน้าใส
2. บำรุงผิวด้วย Moisturizer ดีๆที่เหมาะกับความต้องการและเหมาะผิวของเรา อย่างบางคนอายุยังน้อยไม่ถึง 30 ก็อย่าไปกลัวริ้วรอยจนต้องเลือกครีมที่มีสารลดริ้วรอยเข้มข้นมาปรนเปรอผิว เลยกลายเป็นเร่งทำลายผิวไปซะอีก
3. ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพดี และเหมาะกับ Life Style ของเรา
ปัจจุบัน นี้เครื่องสำอางถือเป็นสิ่งที่สำคัญ สำหรับคนทุกคนทุกเพศและทุกวัย ที่ต้องการดูแลผิวสวยสดใส เพราะไม่มีใครอยากดูแก่ก่อนวัยด้วยกันทั้งนั้น ทำให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์กันอย่างไม่หยุดยั้ง มีนวัตกรรมใหม่ๆออกมาตอบสนองความต้องการ อย่างเช่นผู้หญิงบ้านเรา อยากมีผิวที่ขาว เนียน เด้ง ใส จะซื้อจะใช้อะไรๆ ก็ต้องดูว่าช่วยให้ผิวขาวได้ไหม เด้งไหม แต่ก็ต้องเลือกให้ดี อาจจะไปเจอครีมบำรุงผิวขาวเด้งที่เห็นผลรวดเร็วทันใจ แต่อันตรายต่อผิวมากมายโดยไม่รู้ตัว ครีมหน้าใส
เรา ควรมีหลักในการพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพที่ดี มีมาตรฐานและความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรืออาการระคายเคือง หรือการอุดตันที่ก่อให้เกิดสิวได้ รวมไปถึงราคาที่พอเหมาะพอควร ไม่เช่นนั้นแล้วเครื่องสำอางเหล่านี้แทนที่จะช่วยดูแลเรา ก็อาจจะเป็นตัวนำปัญหามาสู่เราได้ นอกจากนี้แล้วในแต่ละวัย ก็อาจจะมีการดูแลผิวเพิ่มเติมหรือแตกต่างกันไป ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะสมกับผิวเราเอง
ที่มา..likeskincream.com
เลือกลิปสติกแบบไหนใช้อย่างไร
ลิ ปมัน ลิปชนิดนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก และเป็นลิปชนิดแรก ๆ ที่คุณรู้จักและคุ้นเคยกับมันดีด้วยซ้ำ ลิปชนิดนี้ อาจเรียกอีกแบบหนึ่งว่าลิปบาล์ม มีคุณสมบัติให้ปากเนียนนุ่มชุ่มชื้น ส่วนมากแล้วจะไม่มีสี แต่ปัจจุบัน มีการแต่งเติมสีอ่อน ๆ ในตัวลิปมันมากขึ้น เพื่อให้เวลาทาที่เรียวปาก ดูมีสีสันแบบธรรมชาติ
ลิ ปกลอส ลิปอีกชนิดหนึ่งที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบ เพราะความชุ่มชื้น และคุณสมบัติที่มันวาว ช่วยให้เรียวปากดูอิ่มเอิบ และมีสีสันให้เลือกมากมายหลายเฉดสี แต่ลิปกลอสก็มีข้อเสีย คือ ทาแป๊บเดียวก็หายวาวแล้ว จึงจำเป็นต้องพกไว้เติมบ่อย ๆ เครื่องสําอางเกาหลี
ลิปสติก ประเภท เนื้อซาตินหรือเนื้อเชียร์ เนื้อแบบนี้ทาออกมาปากจะดูดี เพราะมีมอยซ์เจอไรเซอร์และน้ำมันอยู่มาก เวลาเลือกสีให้สังเกตว่าสีที่อยู่ในแท่งจะดูเข้มกว่าสีที่ทาอยู่บนปาก หลายคนชอบแบบนี้เพราะทาสะดวกแถมปากยังดีมันวาวไม่หลุดง่าย
ลิ ปเพนซิลหรือลิปไลเนอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแต่งหน้าอย่างหนึ่ง ไว้ใช้เขียนขอบปากเพื่อปรับรูปทรงปาก หรือจะใช้ทาทั้งปากเลยก็ได้ โดยจะใช้ร่วมกับลิปสติกเนื้อไหนก็ได้ ทั้งนี้ก่อนใช้ดูเฉดด้วยว่าเข้ากันหรือไม่ เครื่องสําอางเกาหลี
ลิปสติกเนื้อครีม ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของขี้ผึ้ง จึงไม่ทำให้ปากแห้ง สีติดทนนาน
ลิปสติก เนื้อแมทท์หรือเนื้อด้าน ลิปสติกชนิดนี้จะมีสีสันสวย หลายคนชอบเพราะไม่มันวาวและติดทนนาน แต่เนื่องจากเนื้อลิปสติกชนิดนี้จะค่อนข้างแห้งด้าน จึงไม่เหมาะกับคนปากแห้ง
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556
สารและตัวยาที่ทำให้หน้าขาวใสปิ๊ง
ทราบหรือไม่ว่า สารและตัวยาชนิดใดที่ทำให้หน้าขาวใส วันนี้เรามีเรื่องนี้มาบอก
สารสกัดจากเปลือกสน
ทำให้ผิวขาวใส
โดยลดปฏิกิริยาของผิวหนังเมื่อถูกแสงแดด ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน
ลดขนาดและความเข้มของฝ้า กระและช่วยปรับสภาพผิวให้กลับขาวใสขึ้น
เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ได้แรง ครีมหน้าใสสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
ในเมล็ดองุ่นมีสารบางชนิด ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้เนื้อเยื่อโครงสร้างผิวแข็งแรง ปกป้องเนื้อเยื่อโครงสร้างผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอย ลดความหยาบกร้าน หมองคล้ำ ทำให้ผิวใส เรียบเนียน
ชาเขียวสกัด
ปกป้องและรักษาผิวจากการทำลายของมลภาวะ โดยเฉพาะแสงแดด ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิว ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอย
โคเอนไซม์คิวเทน
ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว บำรุงผิวให้แข็งแรง ลดการเกิดริ้วรอย ด้วยการเร่งการผลิตคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เพิ่มความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นแข็งแรง
วิตามินซี
เสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยลดการเกิดริ้วรอย ลดการถูกทำลายของเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยคงความแข็งแรงของผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวและเผยผิวขาวเนียนสดใส
สารสกัดจากมะเขือเทศ
ลดรอยดำ และความหมองคล้ำจากผลกระทบโดยตรงหรือโดยทางอ้อมจากแสงแดด ลดการถูกทำลายของผิว ช่วยปกป้องจาการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย เสริมฤทธิ์กับชาเขียวเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว
วิตามินอี
เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดเลือนริ้วรอย ครีมหน้าใส
ซีลิเนี่ยม
ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำงานเสริมกับวิตามินซี และ วิตามินอี
รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าใครอยากมีผิวหน้าขาวใส ลองมองหาสารหรือตัวยาที่แนะนำมาใช้กันดูได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556
ไม่มีกระ...หน้าก็เกลี้ยง
ปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ ปัญหากวนใจสาวๆ เพราะนอกจากจะทำผิวหน้าหมองคล้ำแรัว ยังทำให้คุณสาวๆ เกิดความไม่มั่นใจ แต่คุณสาวๆ เลิกกังวลใจได้แล้วค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำหมดไปแล้วค่ะ...
ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ปัญหากวนใจสาวๆ เพราะนอกจากจะทำผิวหน้าหมองคล้ำแรัว ยังทำให้คุณสาวๆ เกิดความไม่มั่นใจ แต่คุณสาวๆ เลิกกังวลใจได้แล้วค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำหมดไปแล้วค่ะ...
ถ้า ต้องการให้รอยกระลดเลือน ต้องพบแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินปัญหาและแนะนำวิธีรักษา ปัจจุบันมีให้เลือกหลายวิธี ตั้งแต่แต้มกรดอ่อนๆ ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์
1. ใช้สารเคมีที่เป็นกรดอ่อนๆ แต้มที่กระ ทำให้ผิวบริเวณนั้นเป็นสะเก็ด เมื่อสะเก็ดหลุดไป กระจะจางลง วิธนี้แพทย์ต้องมีความชำนาญและแต้มกรดที่ไม่เข้มข้นมากนัก เพื่อป้องกันผิวไหม้หรือเสียหาย อาจต้องทำมากกว่าหนึ่งครั้ง หลังทำต้องระวังแสงแดดเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นอาจมีโอกาสเกิดรอยดำขึ้นได้ ครีมหน้าใส
2. ใช้เลเซอร์ช่วยลดเซลล์เม็ดสี เทคโนโลยีเลเซอร์มีหลายชนิด แต่ที่เห็นผลชัดเจน ได้แก่ เลเซอร์ Fractional Thulium มีความละเอียดและประสิทธิภาพสูง ส่งพลังงานลงไปทำลายเม็ดสีได้อย่างเฉพาะเจาะจง แต่ไม่ทำลายผิวชั้นบน หลังทำผิวจะแห้งและคล้ำลง จากนั้นผิวเก่าจะค่อยๆ หลุดไป ผิวใหม่ที่ผ่องใสกว่าจะผลัดขึ้นมาแทน ปัญหากระ จุดด่างดำ จางลงภายใน 7-10 วัน โดยช่วงนี้ไม่ควรโดนแดดจัด
3. ใช้ไวเทนนิ่ง ใช้เครื่องมือที่ไม่ใช้เข็ม ช่วยส่งผ่านตัวยาไวเทนนิ่งลงไปใต้ผิวลึกเท่ากับการใช้เข็ม ตัวยาจะลงไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีส่วนเกินได้ดีกว่าการใช้มือทา ซึ่งยาจะซึมผ่านผิวลงไปได้เพียงเล็กน้อย ในขณะเดียวกันผิวหน้าก็ไม่ช้ำ ไม่มีรอยเข็ม ครีมหน้าใส
อย่างไรก็ตาม เมื่อรอยกระจางลงไป หน้าใสขึ้นแล้ว แต่ถ้าไม่ปกป้องผิวจากรังสียูวี ยังคงโดนแดดจัดๆ ซ้ำๆ อยู่ กระอาจกลับมาอีกก็ได้
ที่มา..108health.com
ปัดขนตาอย่างไรให้หนาเป็นแพแต่เป็นธรรมชาติ
ขน
ตาที่ดูดกหนาเป็นแพทำให้ ดวงตาดูสดใสเป็นประกาย ยามแต่งหน้าสาว ๆ
จึงมักเพิ่มความหนายาวงอนให้กับขนตาด้วยการปัดมาสคาร่า
บางรายก็อาศัยขนตาปลอมเพื่อให้ขนตาดูเด้งสะดุดตา เสียแต่ว่าการปัดขนตาหนา ๆ
หรือใช้ขนตาปลอมนั้น
ดูเหมือนการเตรียมตัวไปออกงานกลางคืนมากเสียกว่าจะเหมาะกับการแต่งหน้ายาม
กลางวัน หรือแต่งหน้าสำหรับวันทำงานทั่ว ๆ ไป
1. เคล็ดลับของการปัดมาสคาร่า
เคล็ดลับการปัดมาสคาร่าให้ขนตาหนาแต่ดูเป็นธรรมชาติ คือการเน้นปัดขนตาที่โคนขนตามากกว่าที่บริเวณปลาย จากนั้นจึงใช้หวีสำหรับแปรงขนตา หวีเพื่อแยกขนตาแต่ละเส้นออกจากกัน แล้วจึงปัดทับอีกครั้ง ตามด้วยการหวีขนตาให้แยกตัวเช่นเดิม คุณจะสังเกตเห็นได้ว่าดวงตาคุณดูเด่นชัดสดใสขึ้น ขนตาดูหนา แต่ปลายขนตาก็ยังคงเรียวบางเป็นธรรมชาติ เครื่องสําอางเกาหลี
2. เพิ่มวอลลุ่มด้วยการใช้อายแชโดว์
การทำให้ขนตาดูเต็มมากขึ้นโดยไม่ต้องปัดมาสคาร่าเพิ่มหลาย ๆ ชั้นหรือใส่ขนตาปลอม ทำได้ง่าย ๆ โดยอาศัยอายแชโดว์สีน้ำตาล หลังจากปัดมาสคาร่าตามข้อแรกแล้ว ให้ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลทาเป็นเงาที่รอยพับเปลือกตา ซึ่งเป็นบริเวณที่เมื่อลืมตาแล้วขนตาจะอยู่ที่ระดับนั้น สีน้ำตาลที่เห็นเมื่อมองลอดผ่านขนตาแต่ละเส้นเข้าไปจะช่วยทำให้ขนตาดูเข้ม หนาขึ้น และได้ความนุ่มนวลจากสีน้ำตาลอีกด้วย เครื่องสําอางเกาหลี
เคล็ดลับนี้เหมาะกับการแต่งตาในทุก ๆ วัน ทำให้ดวงตาดูกลมโตสดใสได้แบบไม่เวอร์ แถมไม่ต้องอาศัยขนตาปลอม สาว ๆ อย่าลืมนำไปใช้กันดูนะคะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
1. เคล็ดลับของการปัดมาสคาร่า
เคล็ดลับการปัดมาสคาร่าให้ขนตาหนาแต่ดูเป็นธรรมชาติ คือการเน้นปัดขนตาที่โคนขนตามากกว่าที่บริเวณปลาย จากนั้นจึงใช้หวีสำหรับแปรงขนตา หวีเพื่อแยกขนตาแต่ละเส้นออกจากกัน แล้วจึงปัดทับอีกครั้ง ตามด้วยการหวีขนตาให้แยกตัวเช่นเดิม คุณจะสังเกตเห็นได้ว่าดวงตาคุณดูเด่นชัดสดใสขึ้น ขนตาดูหนา แต่ปลายขนตาก็ยังคงเรียวบางเป็นธรรมชาติ เครื่องสําอางเกาหลี
2. เพิ่มวอลลุ่มด้วยการใช้อายแชโดว์
การทำให้ขนตาดูเต็มมากขึ้นโดยไม่ต้องปัดมาสคาร่าเพิ่มหลาย ๆ ชั้นหรือใส่ขนตาปลอม ทำได้ง่าย ๆ โดยอาศัยอายแชโดว์สีน้ำตาล หลังจากปัดมาสคาร่าตามข้อแรกแล้ว ให้ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลทาเป็นเงาที่รอยพับเปลือกตา ซึ่งเป็นบริเวณที่เมื่อลืมตาแล้วขนตาจะอยู่ที่ระดับนั้น สีน้ำตาลที่เห็นเมื่อมองลอดผ่านขนตาแต่ละเส้นเข้าไปจะช่วยทำให้ขนตาดูเข้ม หนาขึ้น และได้ความนุ่มนวลจากสีน้ำตาลอีกด้วย เครื่องสําอางเกาหลี
เคล็ดลับนี้เหมาะกับการแต่งตาในทุก ๆ วัน ทำให้ดวงตาดูกลมโตสดใสได้แบบไม่เวอร์ แถมไม่ต้องอาศัยขนตาปลอม สาว ๆ อย่าลืมนำไปใช้กันดูนะคะ
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556
ทำไมผู้หญิงต้องมาสก์หน้า
ทำไมผู้หญิงต้องมาสก์หน้า การมาส์กหน้านอกจากจะช่วยให้ผิวที่ถูกแดดกระจ่างสดใสแล้ว การมาส์กหน้ายังช่วยบำรุงให้ผิวพรรณดีได้
คุณ ผู้หญิงหลายคนอาจจะคิดว่าเพียงแค่การดูแลผิวตามขั้นตอนปกติ ก็สามารถทำให้ผิวหน้าสุขภาพดีแล้ว ทำไมต้องมาสก์หน้าแล้วการมาสก์หน้ามีดีอย่างไร อีกทั้งยังใช้เวลาเพียงนิดเดียวในการทำจะช่วยบำรุงผิวได้จริงเหรอ ครีมหน้าใส
มาสก์ หน้าถือเป็นขั้นตอนพิเศษที่เสริมประสิทธิภาพของการดูแลผิวให้ดียิ่งขึ้น ช่วงที่ผิวหน้าโดนแสงแดดมากกว่าปกติอย่างเวลาไปเที่ยวทะเลหรือเล่นน้ำ สงกรานต์กลับมา ผิวหน้าก็จะดูหมองคล้ำไม่สดใส การมาสก์หน้าจะช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วนให้ดูกระจ่างใสขึ้นได้ โดยมสก์ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปจะแบ่งออกได้ 3 ชนิด ดังนี้
ชนิด แผ่น ได้รับคะแนนนิยมมากที่สุด เพราะความสะดวกและใช้ง่าย เพียงแค่ฉีกซองแล้ววางตามรูปหน้า จะรู้สึกเย็นสดชื่นและผ่อนคลาย ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี เพราะเนื้อผลิตภัณฑ์บำรุงจะเป็นสูตรเข้มข้นกว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าปกติ จึงช่วยฟื้นฟูผิวได้ชนิดเห็นผลรวดเร็วกว่า
พอก ทิ้งไว้ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า มาสก์ประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นครีมหรือโคลนเข้มข้น ช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นบนที่เสื่อมสภาพและแก้ไขปัญหาตามสภาพผิว เช่น ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ เพื่อให้ผิวกระจ่างใส ครีมหน้าใส
พอก ทิ้งไว้จนแห้ง แล้วลอกออก มีความเข้มข้นสูงกว่าทุกประเภท เมื่อทิ้งไว้มาสก์จะค่อยๆ เซตตัวจนสามารถลอกออกมาได้เหมือนหน้ากากมาสก์ชนิดนี้เน้นการเดิมความชุ่ม ชื้นให้ผิวขจัดเซลล์เสื่อมสภาพและลดเลือนริ้วรอย แต่เวลาลอกออก แนะนำให้ดึงจากบริเวณหน้าผากลง เพื่อจะได้ไม่ย้อนรูขุนขน ผิวหน้าจะได้ไม่เกิดอาการระคายเคือง
รู้สรรพคุณแล้วแบบนี้ คงเปลี่ยนใจหันมาใช้มาสก์เพื่อการบำรุงกันมากขึ้นนะคะ เพราะของเค้าดีจริงๆ ค่ะ
ที่มา..108health.com
วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556
เคล็ดลับการแต่งหน้า ที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้คุณ
การ แต่งหน้านอกจากเพื่อเติมสีสันให้กับใบหน้าแล้ว เชื่อว่าสาว ๆ แทบร้อยทั้งร้อยแต่งหน้าเพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ลง แต่ก็แต่งถูกแต่งผิดกันอยู่บ่อย ๆ เดี๋ยวออกมาเด็กบ้างไม่เด็กบ้าง คราวนี้เราจึงนำเคล็ดลับที่รับประกันว่าแต่งแล้วใบหน้าจะดูอ่อนเยาว์ลงแน่ นอนมาฝากกันค่ะ
1. บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
นี่คือสิ่งจำเป็นที่ต้องทำเป็นอันดับแรกของการแต่งหน้าเลยก็ว่าได้ เพราะการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ทำให้ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี และช่วยให้เครื่องสำอางติดผิวหน้าได้ดีขึ้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการใช้มอสย์เจอไรเซอร์ก็คือตอนที่หน้ายังหมาด ๆ หลังการล้างหน้า
2. เลือกใช้คอนซีลเลอร์แบบเนื้อเหลว
หากอยากให้หน้าดูอ่อนวัยก็ต้องปกปิดกลบเกลื่อนร่องริ้วรอยทั้งหลายให้เนียน โดยการใช้คอนซีลเลอร์นั่นเอง แต่ต้องระวังคอนซีลเลอร์บางประเภทที่จะจับตัวเป็นลงไปติดคาอยู่ที่ร่องริ้ว รอย กลายเป็นการเน้นให้เห็นริ้วรอยชัดขึ้นได้ ทางออกที่ดีคือการเลือกใช้คอนซีลเลอร์เนื้อเหลว ที่เกลี่ยง่าย เนียนไปกับผิว ดูเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญคือไม่ลงไปติดค้างในริ้วรอยบนใบหน้าด้วย เครื่องสําอางเกาหลี
3. ใช้รองพื้นโทนอมเหลือง
รองพื้นโทนอมเหลืองจะช่วยให้ผิวดูอบอุ่นอ่อนเยาว์ เหมือนผิวของเด็ก ๆ เลยล่ะ
4. ใช้ฟองน้ำในการแต่งหน้า
เพื่อการจัดการลบเลือนจุดบกพร่องหรือร่องรอยด่างดำเป็นพิเศษ ให้ใช้ฟองน้ำทรงมนรูปไข่ที่ชื้นหมาด ๆ (พ่นด้วยละอองน้ำหรือผ่านน้ำอย่างรวดเร็วแล้วบิดน้ำออก) แตะรองพื้นที่คุณป้ายไว้ที่หลังมือ จากนั้นจึงกดซับตรงจุดที่ต้องการปกปิดเป็นพิเศษเบา ๆ รองพื้นจะเข้าปกปิดจุดด่างดำ ส่วนความชื้นจากน้ำก็จะช่วยให้ได้ลุคที่บางเบาเป็นธรรมชาติไปในตัว
5. เว้นการใช้แป้งแบบผสมสี
แป้งแต่งหน้าแบบที่ผสมสี (ทั้งแบบฝุ่นและอัดแข็ง) ทำให้สีผิวจริง ๆ บนใบหน้าดูผิดเพี้ยนไปกว่าเดิมแม้ว่ามันจะช่วยปรับให้ผิวดูผ่องขึ้นก็ตาม แต่หากคุณรู้สึกคุ้นชินกับการต้องลงแป้งแต่งหน้าแล้วล่ะก็ เปลี่ยนไปใช้แป้งแบบโปร่งแสง (translucent) จะดีกว่า
6. เลือกเครื่องสำอางแบบที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้
ไม่มีอะไรที่ทำให้ผิวหน้าคุณดูอ่อนล้าได้มากเท่ากับใบหน้าที่แห้งกร้านขาด น้ำ ช่างแต่งหน้าจึงแนะนำให้คุณใช้เครื่องสำอางที่มีความชุ่มชื้นอย่างเครื่อง สำอางเนื้อเหลว ไม่ว่าจะเป็นเจลหรือครีม เพราะนอกจากให้ความเป็นธรรมชาติแล้ว ยังทำให้ผิวดูชุ่มชื่นอิ่มน้ำได้ด้วย
7. เน้นความเปล่งปลั่งของแก้ม
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นไขมันที่ผิวหน้าก็ลดลง ทำให้หน้าซูบตอบนั่นเอง หากต้องการเพิ่มความอ่อนเยาว์เข้าไปก็เพียงใช้บลัชปัดแก้มตรงส่วนบนของโหนก แก้ม ก็จะช่วยให้ใบหน้าดูมีเลือดฝาดและเปล่งปลั่งอิ่มเอิบขึ้นได้
8. ถอนขนคิ้วแต่เพียงที่จำเป็น
เป็นเรื่องน่าแปลกที่เมื่ออายุมากขึ้น องค์ประกอบต่าง ๆ ของใบหน้าก็เริ่มสูญเสียความสมมาตรของมันไป เช่นเดียวกับคิ้วที่ดูไม่เท่ากันเป๊ะเหมือนก่อน ๆ ทำให้หลาย ๆ คนพยายามตกแต่งมันเสียใหม่ด้วยการถอน แต่ปัญหาคือไม่รู้ว่าจุดไหนคือจุดที่พอดี เพราะทรงคิ้วเดิมก็ไม่เท่ากันไปเสียแล้ว ยิ่งถอนคิ้วจึงยิ่งบาง แถมอายุที่เพิ่มมากขึ้นยังทำให้คิ้วงอกกลับมาช้าลง เพราะฉะนั้นถอนเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พอดีจะดีกว่า แต่หากยังไม่ได้อย่างใจก็ให้ช่างที่ร้านเสริมสวยทำดีกว่าค่ะ
9. เลือกใช้ดินสอเขียนคิ้วที่อ่อนกว่าสีผม
เพื่อลุคเบาสบายอ่อนเยาว์ให้เลือกดินสอเขียนคิ้วที่อ่อนกว่าสีผมของคุณ 1 เฉด และเขียนคิ้วโดยให้แท่งดินสอทำมุม 45 องศากับคิ้ว จะช่วยให้เส้นที่ได้จะดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
10. ดัดขนตา
เมื่ออายุมากขึ้นหนังตาก็เริ่มหย่อนลงด้วย ทำให้ขนตาพลอยชี้ลงตาม เพื่อเรียกความสดใสคืนมาให้ใช้ที่ดัดขนตาทุกครั้งที่แต่งหน้าแม้ว่าคุณจะไม่ ใช้มาสคาร่าก็ตาม การดัดขนตามำให้ตาดูโต เบิกกว้าง และสดใสมากขึ้น
11. ใช้อายไพรม์เมอร์เพื่อรองพื้นก่อนแต่งตา
ก่อนจะลงมือแต่งเปลือกตาด้วยอายแชโดว์ ให้ใช้อายไพรม์เมอร์ลงที่เปลือกตาก่อนทุกครั้ง เพื่อช่วยให้อายแชโดว์ติดทนนานขึ้น แถมยังช่วยเข้าไปเติมริ้วรอยจาง ๆ และรอยพับที่เปลือกตา ทำให้อายแชโดว์ไม่เข้าไปกระจุกตัวจนเห็นเป็นเส้น ๆ ที่ดวงตาเมื่อเวลาผ่านไปด้วย
12. ใช้อายไลน์เนอร์สีน้ำตาล
อายไลน์เนอร์สีดำทำให้ตาดูเข้มก็จริง แต่ก็ทำให้ดูดุและเพิ่มอายุเข้าไปอีกด้วย ในขณะที่สีน้ำตาลสามารถให้ความคมเข้มได้ในแบบเดียวกัน แต่มีมีความนุ่มนวลกว่ามาก เปลี่ยนจากการใช้อายไลน์เนอร์สีดำมาเป็นสีน้ำตาล โดยเขียนที่ขอบตาด้านนอกรวมทั้งด้านในขอบตา ยกตรงหางตาให้ลอยขึ้นจากแนวหางตาจริงเล็กน้อย เท่านี้ก็ได้ลุคที่ดูเด็กลงแล้ว
13. ใช้ชิมเมอร์เพื่อเพิ่มประกายให้ผิว
เมื่ออายุเพิ่มขึ้นในหลักเลข 3 นำหน้า ความเปล่งปลั่งเป็นประกายของผิวโดยธรรมชาติจะเริ่มลดลง ชิมเมอร์ที่มีประกายเล็ก ๆ ในโทนสีน้ำตาลอมทองจะช่วยเติมความเปล่งปลั่งนี้ให้กลับมาได้
14. เลือกใช้มาสคาร่าชนิดช่วยเพิ่มความยาวให้ขนตา
ตัวเลขอายุเพิ่มขึ้นแต่ขนตาของคุณผู้หญิงกลับบางลง หลาย ๆ คนจึงเลือกใช้มาสคาร่าแบบช่วยเพิ่มความหนา แต่นั่นกลับเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะขนตาที่บางลงไม่สามารถรับเนื้อที่หนาหนักของมาสคาร่าประเภทนี้ได้ ให้เลือกใช้มาสคาร่าประเภทที่ช่วยเพิ่มความยาวให้กับขนตาแทน และเลือกชนิดที่มีซี่แปรงเล็กอันจะช่วยให้ปัดขนตาได้อย่างทั่วถึงทุกเส้น
15. ใช้ลิปสติกโทนนู้ด
ริมฝีปากของเราจะดูเล็กลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะริมฝีปากบน แต่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการเลือกใช้ลิปโทนนู้ดที่มีสีออกโทนเบอร์รี่ระ เรื่อ ๆ อยู่ด้วย ซึ่งจะช่วยทำให้ริมฝีปากของคุณดูชัด และเซ็ตสีริมฝีปากขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นทาทับด้วยกลอสเนื้อใส ก็จะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับริมฝีปากได้ เครื่องสําอางเกาหลี
16. ใช้ไฮไลท์เพิ่มมิติให้ผิวหน้า
ใบหน้าที่อ่อนล้าตามอายุดูแห้ง ๆ แบน ๆ ไม่ค่อยมีมิติและความนุ่มนวล ให้ลองใช้ไฮไลท์ในโทนสีเบจ (สำหรับผิวคล้ำ) หรือสีแชมเปญ (สำหรับผิวขาว) ไล้ที่แนวโหนกแก้ม โครงเบ้าตาบริเวณคิ้ว พวงแก้ม และจบที่ริมฝีปาก เท่านี้ก็จะช่วยคืนความน้ำหนัก ความนุ่มนวล และอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าได้
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
วิ่งแล้วขาใหญ่จริงหรือ
เป็น ที่ถกเถียงกันมานาน กับเรื่องน่องใหญ่หรือกล้ามเนื้อขาชัดขึ้นเมื่อวิ่งหนักๆซึ่งถ้าหากมองในมุม คนทั่วๆไปที่ไม่ได้คลุกคลีกับการออกกำลังกาย หรือ ผู้ที่เริ่มลดน้ำหนักใหม่ๆก็จะมองว่ามันมีผลจริงๆ เพราะวิ่งๆไปทำไม๊ไมขามันเเน่นขึ้นใหญ่ขึ้น ซึ่งความจริงเเล้วมันอาจจะเป็นแค่ข้ออ้างๆเล็กๆที่ทำให้คุณกลัวการวิ่งก็ เป็นได้
ใน เรื่องนี้ แพทย์หญิงเสาวนิตย์ กมลธรรม อธิบายไว้ว่า ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นข้อกังวล (ข้ออ้าง) ของสาวๆ กลัววิ่งไปซักระยะหนึ่งน่องอันสวยงามจะกลายเป็นกล้ามเนื้อก้อนแข็ง แต่ทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวว่า ออกกำลังกายใดๆ ที่ไม่ได้ใช้แรงเต็มที่ จะไม่ทำให้กล้ามเนื้อเพิ่มขนาด การวิ่งเป็นการใช้งานกล้ามเนื้อที่ละน้อยแต่บ่อยๆ นานๆ แบบนี้จะมีแต่ความเข็งแรง โดยไม่เพิ่มขนาดนอกจากนี้ แจ็ค เอช.วิลมอร์ จากสถาบันสุขภาพนักกีฬาแห่งชาติอเมริกา พบว่า วิ่งอาจเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อได้ถึงร้อยละ 44 โดยเกือบไม่มีการเพิ่มของขนาดเลย น่องที่ทู่ ตะโพกที่ใหญ่ พุงที่เกะกะ ต้นขาและแขนที่เทอะทะ เป็นผลจากการสะสมของไขมันในส่วนนั้นๆ การวิ่งเป็นการ รีด ไขมันอันวิเศษ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมนักวิ่งหญิงจึงมีรูปร่างเพรียวลม สมส่วน
ผู้หญิง ส่วนใหญ่มักจะกลัวว่า การวิ่งหรือการปั่นจักรยานมากๆ จะทำให้น่องโตเหมือนผู้ชาย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้นว่าการเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อต้องอาศัยเพศชาย คือ Testosterone ผู้หญิงที่ออกกำลังกายจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น แต่มัดกล้ามเนื้อจะไม่ใหญ่ (Browne and Wilmor 1974) การออกกำลังกายจะทำให้ปริมาณไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างมัดกล้ามเนื้อลดลงทำให้ รู้สึกว่ากล้ามเนื้อมีความตึงแข็งขึ้น กว่าเดิมได้บ้าง แต่ถ้าหยุดออกกำลังกายเมื่อใด ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะค่อยๆ ลดลงและมีไขมันมาแทรกมากขึ้น กล้ามเนื้อจะนุ่มลงคล้ายกับระยะก่อนออกกำลังกายได้ (การออกกำลังกายแบบใช้แรงเต็มที่ คือ อย่างที่นักเพาะกายทำกัน โดยการยกน้ำหนักมากๆ ค้าง ไว้นานๆ แบบนี้จะบริหารให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น)
เรื่อง น่องใหญ่นั้น ต้องแบ่งเป็น วิ่งเพื่อสุขภาพ, วิ่งเพื่อลดน้ำหนัก หรือ วิ่งเพื่อการแข่งขัน ถ้าวิ่งเพื่อสุขภาพ คือ วิ่งอาทิตย์ละ 3 – 4 ครั้งๆ ละ ประมาณ 30-60 นาที ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมาก ปัญหาเรื่อง น่องใหญ่ หรือ สะโพกใหญ่ คงน้อยมาก แต่สิ่งที่จะได้รับคือ กล้ามเนื้อน่อง และกล้ามเนื้อต้นขา แข็งแรง สามารถเคลื่อนไหวได้ทนและนานขึ้น ส่วนนักวิ่งเพื่อการแข่งขัน มีความจำเป็นต้องฝึกซ้อมแทบทุกวัน และใช้เวลานานเป็นช.ม. คงหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องนี้ได้ยาก แต่ท่านจะเลือกเอาความสวยงามหรือสุขภาพดี
วิ่งให้ถูกวิ่งอย่างไร
การ วิ่งที่ถูกต้องนั้นจะต้องใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายช่วยในการส่งตัว อย่าให้เพียงแค่ขา หรือเท้าเท่านั้น จะต้องพยายามไม่ลงน้ำหนักทั้งหมดไปที่เท้ามากเกินไปขณะวิ่ง และถ้าเป็นการเริ่มต้นวิ่งจะต้องไม่หักโหม ออกกำลังกาย ไม่วิ่งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากจะทำให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการปวดได้ ควรเริ่มต้นวิ่งเบาๆก่อน แล้วจึงค่อยเพิ่มเวลาให้นานขึ้นเรื่อยๆค่ะ
การ วิ่งช้าๆนานประมาณ 30-60 นาทีอย่างต่อเนื่องจะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ แบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ไม่เกิดอาการปวด และไม่เป็นการเร่งสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทน ทำให้ขาไม่ใหญ่ค่ะ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ การวิ่งก็ไม่เหมาะสมเนื่องจาก ในขณะที่วิ่งข้อเข่าและข้อเท้าจะต้องรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้ จึงขอแนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ อย่างอื่นไปก่อน เช่น เดิน แล้วเมื่อน้ำหนักเริ่มลดจึงค่อยเปลี่ยนมาเป็นการยิ่งเหยาะๆ แล้วก็วิ่งเบาๆ ไปเรื่อยๆจะดีกว่าค่ะ
ที่มา..lovefitt.com
เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยให้ผอมเพรียว
หุ่น สวย หุ่นดี เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สาวๆ ต้องการ และก็มีความพยายามเหลือเกิ๊น ประมาณว่ายอมทำทุกทางเลยจร้าเพื่อที่จะให้ตัวเองนั้นมีหุ่นที่ผอมเพรียวสมใจ แต่ยกเว้นการออกกำลังกาย และการกินนะ อิอิ แต่ก็ว่าไม่ได้นะค่ะในขณะที่สาวๆ บางคนนั้นถึงกับยอมอดกิน กินน้อยลง แบบนี้ไม่ไหวนะค่ะ อยากผอมแบบเปล่งปลัง ไม่ใช่ผอมแล้วโทรม มันไม่ ok หรอกนะค่ะบอกเลย แต่ค่ะแต่มันก็ไม่ได้แบบเลวร้ายขนาดนั้นนะจริงๆ การมีหุ่นที่ผอมเพรียวอะ มันก็มีวิธีอยู่ แล้ววันนี้เราก็เลยได้นำเอา 5 เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยให้ผอมเพรียว มาฝากกันค่ะ อุ้ยๆ ใจเย็นๆ นะค่ะได้รู้กันแน่ๆ อีกแปบนึงของเม้ามอยก่อนดีมั้ยค่ะ ก็คือแบบว่า 5 เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยให้ผอมเพรียว ที่เรานำมาฝากนี้ก็ได้รวมเอาเคล็ดลับที่สาวๆ คิดว่าเยอะในการมีหุ่นที่ดีเนี้ยมากองรวมไว้ที่ 5 เคล็ดลับนี้หมดแล้ว แต่ก่อนที่จะโดนสาวๆ บ่นเพราะรอนาน งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้เราไปดู 5 เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยให้ผอมเพรียว กันเลยดีกว่าค่ะว่าจะจุดชนวนความฟินของสาวๆ ได้ขนาดไหน
เครื่องออกกำลังกาย
เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยให้ผอมเพรียว
1. สำรวจนิสัยการกินของตัวเอง
เช่น ชอบกินอาหารตอนกลางคืนหรือ ชอบกินอาหารในเวลาที่ทำอาหารหรือเปล่า หรือชอบกินอาหารที่ลูกกินไม่หมด เมื่อสำรวจตัวเองจนรู้จุดอ่อนแล้ว ก็จะตัดแคลอรี่ออกไปได้ง่ายขึ้น
.
2. ไปช็อปปิ้งตอนกินอิ่มแล้วเสมอ
ทุก คนคงเห็นตรงกันว่าถ้าไปช็อปปิ้งตอนท้องว่างมักทำให้เลือกซื้ออาหารตามใจ ปาก ในทางกลับกัน หากไปช็อปปิ้งตอนอิ่มแล้วก็จะมีสติในการหยิบของใส่ตะกร้ามากขึ้น
.
3. นั่งกิน และกินในจาน
มี การศึกษาพบว่าการกินอาหารจากแพ็กเกจและยืนกิน ทำให้กินอาหารปริมาณมากกว่าการนั่งกินอาหารในจานบนโต๊ะอาหาร เพราะการกินอาหารจากแพ็กเกจบรรจุอาหารหรือยืนกินจะทำให้เรากินจนเพลินนั่น เอง
.
4. ตักอาหารใส่จานส่วนตัว
หาก กำลังควบคุมน้ำหนัก ลองตักอาหารที่จะกินในปริมาณที่อิ่มกำลังดี ใส่จานส่วนตัว (ซึ่งอาจมีขนาดเล็กกว่าจานของคนอื่น) โดยไม่ตักกับข้าวหลากหลายชนิดมาวางร่วมสำรับด้วย เพราะอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะจะเรียกร้องให้เราตักกินอยู่เรื่อยๆ เครื่องออกกำลังกาย
.
5. วางแผนอาหารว่าง
การ กินอาหารแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ ดีต่อการเผาผลาญ จึงควรจัดอาหารว่างที่แคลอรี่ต่ำ และดีต่อสุขภาพสำรองไว้ เพื่อจะได้ไม่คว้าอาหารแคลอรี่สูงมากินตอนหิว
ที่มา..n3k.in.th
มาดูตัวอย่างกล้องหลัก 13 ล้านจาก Galaxy Note 3 กันไหม
ข่าวรอบดึกคืนนี้เลยจะพาไปเปลี่ยนบรรยากาศไปดูค่ายเกาหลีอย่าง samsung galaxy Note 3 บ้าง ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปมาพร้อมกับฟังก์ชั่นเด่นเด็ดหลากหลายตัว แต่ถ้าจะมีสักอย่างที่ผู้บริโภคหลายๆ ท่านจะนำมาคิดเป็นปัจจัยในการเลือกซื้อก็คิดว่าน่าจะเป็นกล้องหลักสำหรับ ถ่ายภาพ ซึ่งในรุ่นนี้อัพเกรดความละเอียดมากสูงสุดถึง 13 ล้านพิกเซลsamsung galaxy และมีพรีวิวเบื้องต้นออกมาบ้างแล้ว จึงไปสรรหานำมาฝากกันพอหอมปากหอมคอสำหรับผู้ที่กำลังสนใจหรือตัดสินใจอยู่ ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายในอีกไม่กี่อึดใจนี้…
ที่มา..mxphone.net
Samsung ประกาศใช้ CPU 64-bit ปีหน้า ชน iPhone 5S
หลัง จากที่ Apple เปิดตัว iPhone 5S ที่มาพร้อมกับ CPU 64-bit สถายปัตยกรรมใหม่สำหรับสมาร์ทโฟน และเป็นมือถือเครื่องแรกที่ใช้ CPU ระดับเดียวกับคอมพิวเตอร์ ล่าสุดทาง Samsung ก็ไม่น้อยหน้า ประกาศว่าจะใช้ CPU 64-bit สำหรับสมาร์ทโฟนปี 2014 เช่นกัน
CEO ของทาง Samsung นาย JK Shin ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ทาง Samsung จะเริ่มใช้ CPU แบบ 64-bit ใน “สมาร์ทโฟนรุ่นต่อไป” ซึ่งอาจหมายถึงสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของปี 2014 รุ่นต่อไป นั่นก็คือ Samsung Galaxy S5 นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทาง Apple ได้เปิดตัว แท็บเล็ต iPhone 5S ที่มาพร้อมกับ CPU 64-bit ไปแล้ว พร้อมทั้งปรับปรุง iOS7 เวอร์ชั่นล่าสุดให้รองรับกับ CPU 64-bit ในขณะที่ Android OS นั้น ตอนนี้ยังรองรับเพียง 32-bit เท่านั้น
ส่วน ท่านที่ยังไม่ทราบว่าพอมี CPU 64-bit แล้วมันจะดียังไง ขออธิบายคร่าวๆ ว่า หลักๆ แล้วพอเปลี่ยนเป็น CPU 64-bit จะทำให้สมาร์ทโฟนนั้นสามารถใช้แรมได้มากกว่า 4GB (32-bit รองรับแรมสูงสุด 4GB) ซึ่งจะช่วยให้รองรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเกินขีดจำกัดของสมาร์ท โฟนในปัจจุบัน แท็บเล็ต
ซึ่ง ทาง Samsung ก็ต้องลุ้นทาง Google ให้ทำ Android 4.4 KitKat ให้รองรับกับ CPU 64-bit ด้วยนะครับ หากคิดจะใช้ CPU แบบนี้จริงๆ ส่วนตอนนี้สมาร์ทโฟนที่มีแรมสูงสุดของ Samsung ก็คือ Samsung Galaxy Note 3 ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้า Apple นั่นเอง
ที่มา..tech.mthai.com
วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556
เคล็ดลับการเลือกแชมพูให้เหมาะกับเส้นผม
ใคร จะคิดว่าการเลือกซื้อแชมพูที่เหมาะสมกับผมเราสักขวดนั้นจะยากพอๆ กับงมเข็มเลยเชียว แชมพูดีๆ ก็มีอยู่เยอะแยะ แต่ปัญหาคือ ไม่รู้ว่าที่เหมาะนั้นคืออย่างไร เรื่องนี้ถึงจะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากหรอกนะ
รู้ไหม แชมพูคืออะไร
แรกสุด ก่อนที่คุณจะติดสินใจเลือกซื้อแชมพูยี่ห้อใด ควรจะรู้เสียก่อนว่า "แชมพู" ที่เราเรียกกันจนติดปากนั้น คืออะไร และควรจะทำอะไรกับผมของเราได้บ้าง ที่แน่ๆ คือต้องทำให้ผมเราสะอาด นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีกลิ่นหอม etude house
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแชมพูระบุไว้ว่า โดยจุดประสงค์หลักของแชมพูก็คือ ต้องทำความสะอาดเส้นผมอย่างอ่อนโยนที่สุด เพราะตลอดวันนั้น ทั้งฝุ่นผมและสิ่งสกปรกทั้งหลายจะติดตรึงอยู่ที่หนังศีรษะและเส้นผมของเรา ซึ่งลำพังใช้แค่น้ำล้างคงไม่ออกง่ายๆ
ปัญหามีอยู่ว่า ถ้าแชมพูที่เราใช้นั้น "แรง" เกินไป หนังศีรษะของเราก็จะพองตัว ทำให้รูขุมขนเปิดกว้าง ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนัง และยังทำให้เส้นผมแตกปลายได้อีกด้วย ดังนั้น เราจึงควรใช้แชมพูสระผมที่มีค่าความเป็นกรดหรือด่าง หรือค่า pH ไม่เกิด 5.5 เพราะเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดกับสมดุลของความชุ่มชื่นของเส้นผมทั่วไป ถ้าแชมพูมีความเป็นกรดมากเกินไป ผมของเราจะหลุดร่วง และถ้ามีความเป็นด่างมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดช่องว่างหรือรูพรุนบนหนังศีรษะมากเกินไป ส่งผลให้หนังศีรษะของเราอ่อนแอลงได้เช่นกัน
จับตาดูยี่ห้อ
แล้วเราต้องมองหาส่วนผสมอะไรบ้างล่ะ ในแชมพูสักขวด สำหรับมือใหม่ให้เริ่มที่ข้อมูลว่า แชมพูทุกขวดประกอบด้วยส่วนผสมของสารขจัดคราบและสิ่งสกปรกซึ่งมีอยู่หลายชนิด และมีความรุนแรงต่างกันด้วย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงใช้สบู่เหลวสระผมไม่ได้ แม้ว่าจะมีสารทำความสะอาดเหมือนกัน เนื่องจากสารขจัดคราบในสบู่นั้นมีอานุภาพที่แรงกว่าจนทำให้ผมเราหลุดร่วงได้
ส่วนประกอบอื่นๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงคือ พวกสารเคมีกันบูดกันเสีย เช่น แอมโมเนี่ยม ลอรีล ซัลเฟท หรือแอมโมเนียม อเร็ธ ซัลเฟท เป็นสารเคมีที่รุนแรงมาก หากคุณเพียงเผลอเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง มันจะปล่อยก๊าซแอมโมเนียอกมา ถ้าคุณใช้แชมพูที่เป็นด่างมากๆ แล้วยังผสมกับสารเคมีพวกนี้ จะทำให้ผมของคุณหลุดร่วงและสูยเสียความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ ผลที่ตามมาก็คือผมคุณจะแห้งกรอบ แถมกลายเป็นผมแตกปลายอีกต่างหาก
แล้วทำไมมีของพวกนี้อยู่ในแชมพูล่ะ ก็เพราะเป็นสารเคมีราคาถูกที่ป้องกันแชมพูเสียได้และยังทำให้เกิดฟองเยอะๆ ส่วนผสมที่แย่ที่สุดในแชมพูคือ โซเดียม ซี 14-16 โอเลฟิน ซิลโฟเนท ซึ่งเป็นสารเคมีที่รุนแรงยิ่งกว่าพบในแชมพูเปลี่ยนสีผมบางชนิด ที่ควรระวังก็คือสารโซเดียมคลอไรด์ หรือเกลือแกง ที่ผู้ผลิตมักเอามาผสมก็เพราะมันเป็นสารราคาถูกที่ทำให้เนื้อแชมพูดูเข้มข้น ขึ้น ข้อเสียก็คือทำให้น้ำมันที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมหายไปด้วย แชมพูที่ดีต้องไม่มีส่วนผสมของเกลือ
เราควรเริ่มกันที่แชมพูอ่อนๆ และมีส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร หรือเป็นแชมพูซึ่งมีราคาแพงกว่าตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งก็เป็นเพราะส่วนผสมที่แพงกว่านั่นเอง
เรื่องของฟอง
เรามักจะคิดกันว่าแชมพูยี่ห้อไหนก็เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่นะคะ แขมพูส่วนมากจะประกอบด้วยสารเคมี ยกเว้นแชมพูสมุนไพร ซึ่งอย่างมากที่สุดก็คือผสมสารกันบูด ความเข้าใจผิดอีกอย่างก็คือแชมพูที่ดีต้องมีฟองมาก ซึ่งไม่จริงอย่างเด็ดขาดเพราะถ้าแชมพูนั้นมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื่น มันจะไม่ค่อยมีฟองเท่าไหร่ อย่างแชมพูสมุนไพรก็ไม่ค่อยมีฟองมาก ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื่นเป็นอย่งดี ซึ่งเราควรมองหาในฉลากก็เช่น เวเจเทเบิล กลีเซอรีน (มักพบในแชมพูสมุนไพร) โจโจบา ออยล์ อะโลเวร่า อะโวโด้ บอเรจ ออยล์ (มักพบในแชมพูสนุมนไพร) เกรฟซี้ด ออยล์ (เป็นสารปกป้องสีผม) ซันฟลาวเวอร์ ออยล์ วีทเยิร์ม อล์ คูคิวนัท แมคาเดเมีย นัท ออยล์ (ทำให้เส้นผมเป็นเงางาม)
ประโยชน์ของสมุนไพร
ทำไมต้องซื้อแชมพุสมุนไพรมาใช้ เพราะสารสกิดสมุนไพรนั้น นอกจากจะไม่ทำให้สภาพแวดล้อมเป็นพิษ ยังอ่อนโยนต่อเส้นผมอีกด้วย ผู้ใช้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีแรงๆ และปัญหาผมร่วง ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสังเคราะห์ส่วนใหญ่จะผสมขี้ผึ้ง สารขจัดคราบและซิลิโคนเข้าไปมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถล้างออกหมด ส่วนสารที่สกัดจากดอกไม้และพืช เช่น ต้นเซจ โรสแมรี่ เน็ทเทิล หรือลาเวนเดอร์ มักมีกลิ่นชื่นใจชวนผ่อนคลาย จึงทำให้การสระผมเป็นกิจกรรมที่น่ารื่นรมย์ etude house
บท สรุปอีกประการในการเลือกแชมพูก็คือ ควรตรวจสอบการลำดับส่วนผสม ส่วนผสมแรกสุดของแชมพูที่ดีจะต้องเป็นน้ำเปล่านี่แหละ ส่วนผสมต่อมาได้แก่แอลกอฮอล์ ส่วนแชมพูที่มีส่วนผสมของสารกันเสีย ส่วนผสมเหล่านี้จะต้องอยู่ในลำดับ 3 หรือ 4 ไม่ควรจะเป็นอันดับแรกโดยเด็ดขาด..
ที่มา..variety.teenee.com
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)



