วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เคล็ดลับผิวขาว และการดูแลผิว




วันนี้ พาคุณมาล่วงตับไตไส้พุงถึงการบำรุงผิวสวย "ตามวัย" ว่าเรานั้นโดยเฉพาะยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยการบำรุงผิวสวยย่อมสำคัญมาก ๆ เลย แต่ในเมื่อด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้นไปทุกทีการบำรุงผิวก็ย่อมที่จะแตกต่างจาก แต่ก่อน ดังนั้น มาทำการ บำรุงผิวสวย "ตามวัย" กันดีกว่าค่ะ

นัก วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์พบว่า สิ่งสำคัญที่สุดของทุกวัยตั้งแต่ 18 ปี เป็นต้นไป ควรดื่มน้ำมาก ๆ ในแต่ละวัน เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น ควรปกป้องผิวหนังจากรังสีดวงอาทิตย์เพราะรังสีดวงอาทิตย์คือตัวการสำคัญใน การทำลายผิวหนังให้เสื่อมโทรม ควรหลบแดดหรือทาครีมกันแดด
ครีมหน้าใส    

 เมื่อ อายุย่างเข้า 20 ปี จะพบว่า สิวบนใบหน้าลดน้อยลงกว่าเมื่อเป็นวัยรุ่น แต่สำหรับหญิงสาวในวัยนี้ยังคงมีสิวมากได้ตามแก้มและคางอันเนื่องมาจาก ฮอร์โมนในร่างกาย ควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนและเป็นกลางไม่มีองค์ประกอบของสารก่อสิว และใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์แก้สิว ไม่ควรใช้นิ้วบีบหรือแกะหัวสิวเพราะจะทำให้ผิวหน้าเป็นรูและริ้วรอยขรุขระ ควรลดอาหารหวานจัด มันจัด ล้างหน้าให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ

 เมื่อ อยู่ในวัย 30 ปี ผิวหนังจะเริ่มแห้ง มีน้ำมันออกมาตามผิวหนังน้อยลงในวัยนี้สิวก็ยังอาจพบได้บ้าง ดังนั้นจึงควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากองค์ประกอบของสารก่อสิว ผิวอาจจะมีทั้งผิวแห้งและผิวมันผสมกันควรใช้เครื่องสำอางที่มีองค์ประกอบของ ไวตามินที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลผิวได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวตามินที่ละลายในไขมันผิวหนังและดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดี และรวดเร็ว เช่น ไวตามินอี สำหรับไวตามินที่ละลายน้ำได้ดี และไวตามินซี ให้ประโยชน์ต่อผิวน้อยมาก เพราะไม่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ ดังนั้นการรับประทานไวตามินซี ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ส้มสด หรือยาเม็ด ทุกวันจะได้รับประโยชน์มากต่อผิวโดยตรง

 เมื่อ ย่างเข้าวัย 40 ปี ต่อมสร้างน้ำมันใต้ผิวหนังลดการทำงานลงมากทำให้ผิวหนังแห้งจะพบริ้วรอยรอบ ปากและดวงตา การใช้ครีมบำรุงให้ผิวหนังชุ่มชื้นตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเวลานอนหรือระหว่าง วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่นอนและทำงานในห้องแอร์ประจำจะช่วยได้มาก เช่น ครีมบำรุงที่มีว่านหางจระเข้ ไวตามินอี เอ และเบต้าแคโรทีน ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่เข้มข้นด้วยน้ำมัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างรวดเร็ว และปกป้องผิวได้นานตลอดวัน

 ใน วัยย่างเข้า 50 ปี ผิวหนังจะเริ่มหลวมไม่มีสปริงบางคนอาจมีจุดด่างดำ หรือ ขี้แมลงวันมากขึ้นตามผิว ริมฝีปากเริ่มห้อย การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารครบทุกหมู่อย่างสม่ำเสมอทุกวัน จะช่วยให้ความยืดหยุ่นผิวหนังดีขึ้น และชลอการเสื่อมโทรมลงได้มาก ครีมบำรุงผิวควรจะมีอุดมด้วยน้ำมันไขมันธรรมชาติและสารชุ่มชื้นผิวเพื่อทด แทนส่วนที่ขาดหายไปจากผิวหนังธรรมชาติ  ครีมหน้าใส   

 ใน วัย 60 ปี หรือ มากกว่า จะพบริ้วรอยมากขึ้นกล้ามเนื้อและผิวหนังจะหลวมและหย่อนยานมากขึ้น ในวัยนี้บางคนอาจพอใจที่จะให้แพทย์ช่วยกำจัดความหย่อนยานและริ้วรอยด้วยการ ศัลยกรรม แต่ควรพิจารณาให้ถ้วนถี่เพราะอาจไม่สมหวังก็ได้นะ สู้ดูแลให้เต็มที่ทุกวันที่ผ่านพ้นไปและดูสง่างามตามวัยอันสมควรจะมั่นใจ กว่ากันเยอะเลย

ที่มา..108health.com

เทคนิคแต่งหน้าเพื่อผิวเปล่งปลั่งเรียบเนียนทุกองศา






ใคร อยากจะแต่งหน้าสวย ๆ แต่ก็มีอุปสรรคเรื่องผิวให้ต้องกังวล ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยตีนกา ริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยสิว จุดด่างดำ ฯลฯ คราวนี้ไม่ว่าใครมีปัญหาข้อไหน ๆ (หรือมีทุกข้อ T_T) ก็หมดกังวลได้ด้วยเทคนิคการแต่งหน้าที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ค่ะ

    1. ใช้ไพรม์เมอร์

          หลังจากบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์แล้ว ให้ใช้ไพรม์เมอร์ที่มีส่วนผสมของซิลิกา (silica) เพื่อเป็นการปรับสภาพผิวหน้าในขั้นแรก ซิลิกาจะช่วยช่วยทำให้ริ้วรอยดูเต็มขึ้น นอกจากนี้ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รองพื้นเนื้อครีมที่มีสารช่วยเพิ่มความชุ่ม ชื้น ซึ่งจะไม่ตกร่องเข้าไปสะสมตามรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ เครื่องสําอางเกาหลี

    2. เลือกใช้รองพื้นที่เหมาะสม

          เลือกใช้รองพื้นเนื้อครีมที่ไม่ข้นนักหรือแบบเนื้อเหลวที่มีส่วนผสมของสารซิ ลิโคน (silicone) หลีกเลี่ยงการใช้รองพื้นที่มีประกายวิ้งวับหรือที่เป็นเนื้อแมท เพราะจะทำให้ผิวหน้าดูชุ่มชื้นหรือดูแห้งและด้านจนเกินไป ให้มองหารองพื้นแบบเนื้อบางเบา (มีคำว่า lightweight, sheer หรือ invisible บนตัวบรรจุภัณฑ์) ซึ่งรองพื้นแบบเนื้อบางเบานี้จะไม่เข้าไปสะสมตามร่องริ้วรอย แต่หากต้องการปกปิดเป็นพิเศษให้เลือกใช้รองพื้นที่มีเนื้อข้นขึ้นกับบริเวณ ที่ต้องการปกปิดเท่านั้น

    3. เลือกเฉดสีของรองพื้นให้เหมาะสม

          ในการเลือกซื้อรองพื้นดีมาเป็นคู่ใจผิวสวยสักอันนั้น ให้ลองเทสต์สีกับผิวที่บริเวณลำคอแทนที่จะเป็นบริเวณใบหน้า เพราะผิวที่ลำคอจะมีความใกล้เคียงกลมกลืนกับสีผิวจริง ๆ ของบริเวณอื่น ๆ ในร่างกายมากกว่าใบหน้า คุณจะได้ไม่ต้องกังวลผิวหน้าของคุณจะขาวโดดออกมาจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

    4. ใช้รองพื้นแต่น้อย

          การเตรียมผิวให้สวยนั้นใช้รองพื้นเพียงนิดเดียวก็เอาอยู่แล้วแถมยังเป็นบาง เบาธรรมชาติกว่าด้วย โดยแต้มรองพื้นจุดเล็ก ๆ 2 จุดที่หน้าผาก, 1 จุดที่ขมับแต่ละข้าง, 1 จุดที่จมูก และไล่ออกไปทางแก้มอีกข้างละ 1 จุด จบท้ายที่บริเวณคางอีก 1 จุด ก็เพียงพอ

    5. เกลี่ยรองพื้นอย่างถูกวิธี

          หลังจากแต้มรองพื้นตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้าแล้ว ให้ใช้สองนิ้วค่อย ๆ เกลี่ยรองพื้นแต่ละจุดให้กระจายออกไปและกลืนกับผิวดี โดยเกลี่ยในทิศจากด้านบนลงล่าง และเกลี่ยออกไปทางด้านข้างใบหน้าเท่านั้น ด้วยวิธีนี้จะทำให้สีรองพื้นดูค่อย ๆ จางและกลืนไปกับแนวไรผมและกรอบหน้าอย่างนุ่มนวล

    6. เก็บรายละเอียดให้เรียบกริบด้วยฟองน้ำแต่งหน้า

          ใช้ฟองน้ำแต่งหน้าที่สะอาด ฉีดละอองน้่ำลงไปให้พอชื้น แตะซับที่ปีกจมูกทั้งสองข้างและบริเวณที่มีริ้วรอย เพื่อเป็นการซับรองพื้นส่วนเกินที่อาจจะลงไปสะสมในรอบพับย่นของผิวหนังออกไป ใบหน้าจะได้เนียนเรียบไร้ที่ติ

    7. ปกปิดรอยคล้ำและจุดด่างดำที่เห็นชัด

            ใช้แปรงแต่งหน้าหัวเล็กแตะคอนซีลเลอร์เนื้อครีมแข็ง แต้มตรงจุดด่างดำที่ต้องการปกปิด จากนั้นใช้แปรงเกลี่ยให้เรียบเนียน

            ปกปิดผิวที่มีรอยแดงด้วยรองพื้นสีเหลือง ใช้นิ้วแตะแล้วแต้มตรงบริเวณที่ต้องการ กดซับให้กลืนกับผิว แล้วจึงใช้ฟองน้ำแต่งหน้าที่ชื้นกดซับเพื่อเก็บขอบให้สีเนียนสม่ำเสมออีก ครั้ง

           กลบรอยคล้ำใต้ดวงตาด้วยรองพื้นเนื้อครีม ใช้นิ้วนางแตะครีมรองพื้นแล้วแต้มเพียงจุดเล็ก ๆ ที่ใต้ตา กดย้ำเบา ๆ หลาย ๆ ครั้งเพื่อให้กระจายตัวและกลืนไปกับผิว

    8. ปิดท้ายด้วยแป้งเพื่อความนวลเนียน

          ใช้แปรงแต่งหน้าหัวกลมใหญ่แตะแป้งฝุ่นหรือแป้งอัดแข็ง แล้วเคาะสักนิดเพื่อให้แป้งส่วนเกินหลุดร่วงออกไป จากนั้นปัดเบา ๆ ให้ทั่วผิวหน้า แล้วเน้นอีกครั้งที่บริเวณที่ผิวมันง่ายอย่างช่วงทีโซน เพียงเท่านี้ก็เซ็ตผิวสวย ๆ สดใส แถมยังเนียนกริบ พร้อมรับการแต่งหน้าขั้นตอนต่อไปได้แล้ว เครื่องสําอางเกาหลี


          เห็นไหมคะ การเนรมิตรผิวสวย ๆ ด้วยการแต่งหน้า ก็สามารถทำได้ไม่ยากเลย แต่หลังจากนี้แล้วก็อย่าลืมล้างเครื่องสำอางทั้งหมดออกให้สะอาด รวมทั้งบำรุงผิวอย่างเหมาะสม เพื่อจัดการกับปัญหาอย่างตรงจุดด้วยนะคะ

ที่มา..guru.thaibizcenter.com

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สูตรพอกหน้าตามธรรมชาติง่ายๆจากของในครัว






สูตรพอกหน้านั้นมีมากมายหลายสูตร และแต่ละสูตรก็ใช้ได้ผลดีเลยทีเดียว ลองมาดูสูตรพอกหน้าที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ น่าจะได้ผลดีเลยทีเดียว


ผิวแห้ง : การพอกหน้าด้วยกล้วย

สูตร พอกหน้าด้วยกล้วยนี้เป็นสูตรจากนิตยสาร "Reader's Digest" สามารถทำได้ง่ายๆโดยการใช้กล้วย 1 ลูก, ปอกเปลือกและนำกล้วยมาบดให้ลดเอียด และผสมด้วยน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ และก็นำมาพอกหน้าที่ล้างสะอาดแล้ว พอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง สูตรพอกหน้าด้วยกล้วยนี้เหมาะสำหรับผิวแห้ง เนื่องจากจะช่วยให้ผิวของท่านมีความชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น ครีมหน้าใส

ผิวคล้ำ : ควรพอกหน้าด้วยน้ำมะนาวและเกลือทะเล

เกลือ และน้ำผลไม้ ไม่เพียงแต่จะมีรสชาติอร่อยเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถข่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้อีกด้วย สูตรพอกหน้านี้เป็นสูตรของ Annie Berthold-Bond กูรูด้านความงามชื่อดัง โดย Annie ได้แนะนำสูตรพอกหน้าอย่างง่ายๆด้วยน้ำมะนาว โดยการใช้น้ำมะนาว 1/4 ถ้วยตวงผสมเกลือ 1/2 ช้อนชา คนให้เข้ากันโดยคนจนเกลือละลายหมด ( หากเกลือละลายไม่หมดให้เพิ่มน้ำมะนาวทีละนิดจนเกลือละลายจนหมด ) หลังจากนั้นจึงนำมาพอกหน้าที่ล้างสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ 10-15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น ครีมหน้าใส

ผิวเสียที่โดนแดดเผา : ควรพอกหน้าด้วยฟักทอง

นอก จากจะฟักทองเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย ทำขนมหวานก็รสชาติเยี่ยมแล้ว ยังสามารถนำมาพอกหน้าได้อีกด้วย สูตรความงามจาก Erika Katz ได้กล่าวไว้ว่า ใช้เนื้อฟักทอง 2 ช้อนชา ผสมกับน้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชา และผสมกับวปปิ้งครีม 1/4 ช้อนชา ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และนำมาพอกหน้าที่ล้างสะอาดแล้ว พอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรพอกหน้าสูตรนี้สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากการโดนแดดเผาได้เป็นอย่างดี

ที่มา..108health.com

ปัดขนตาโดดเด้งยาวนานในหน้าร้อน








มาสคาร่าที่เหมาะกับคุณ

         ต้องการให้ขนตาหนา เลือกใช้หัวแปรงมาสคาร่าแบบกลม เครื่องสําอางเกาหลี 

         ต้องการให้ขนตายาว เลือกใช้หัวแปรงแบบที่เป็นซี่หวี นอกจากให้ความยาวแล้ว ยังเพิ่มความงามงอนและทำให้ขนตาเรียงตัวให้เป็นระเบียบด้วย


      หลังจากนั้นก็ปัดขนตาให้งามงอนตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

         1. ดัดขนตาให้โค้งงอน จากนั้นปัดจากโคนตาขึ้นไปหาปลายแบบซิกแซ็ก ซ้ายไปขวา วิธีนี้จะเป็นการเพิ่มความยาวให้กับเส้นขนตา

         2. ปัดแบบยกโคนตาอีกครั้ง ในแนวซิกแซ็กแบบเดิม เครื่องสําอางเกาหลี 

         3. ส่องกระจกไปด้วย แล้วหลุบมองต่ำลง ปัดเฉพาะปลายขนตาเพิ่มความยาวงอน

         4. เลือกมาสคาร่าชนิดกันน้ำ หากคุณต้องทำกิจกรรมในช่วงหน้าร้อนหรือกิจกรรมที่ต้องสัมผัสความร้อนความชื้นบ่อย ๆ เพื่อป้องกันคราบมาสคาร่าไหลเลอะเปรอะระหว่างวัน


ที่มา..guru.thaibizcenter.com

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผิวสวยสดใส สไตล์ เฟรช แอนด์ ยัง ลุค






 ใกล้ เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ช่วงเวลาแห่งความสุขและปาร์ตี้สุดหรรษาที่หลายคนรอคอย โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย ที่กำลังเตรียมความพร้อมและอยากจะปฏิวัติตัวเองด้วยลุคใหม่ๆ พร้อมผิวพรรณที่สดใส ต้อนรับปีใหม่

แบ รนด์ PROVAMED (โปรวาเมด) เตรียมวิธีอัพลุคสวยปิ๊ง อ่อนวัย ด้วยทริคง่ายๆ  มาฝากสาวๆ เพื่อการมีผิวสวยใสสไตล์ Fresh & Young Look โดยเริ่มจากการเตรียมผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรดังนี้

สิ่ง สำคัญที่สุดสำหรับช่วงเช้า คือ การทาครีมกันแดด Provamed  Sun SPF 60 เพื่อปกป้องผิวหน้า และปราศจากสารกันแดดชนิดเคมี (Non Chemical Sunscreen) ครีมหน้าใส     

เนื้อ ครีม Silky Base ละเอียด บางเบา ซึมซาบเร็ว กลมกลืนกับสีผิว ช่วยปกปิดริ้วรอย ทำให้เมคอัพสว่างใสกระจ่างขึ้นไม่ทำให้หน้ามันวาวระหว่างวันและไม่อุดตันรู ขุมขน

นอกจากนี้ ควรทาโลชั่นกันแดด Sun Daily  SPF 54 PA+++  ซึ่ง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และรังสี  UVA/UVB  ด้วยค่า SPF54   พร้อมฟื้นบำรุงผิวกายให้กระจ่างใส

โดย การรวมพลังสารไวท์  เทนนิ่ง 3 ชนิด (Glutathione , Arbutin , Vitamin C)  ที่ช่วยขัดขวางขบวนการสร้างเม็ดสีผิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ช่วยเผยผิวใหม่ให้แลดูขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ  อ่อนโยน เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว  
 
นอกจากนี้ สามารถฟื้นฟูและบำรุงผิว ด้วย  5 สูตร ง่าย ๆ  ดังนี้

  สูตรที่ 1 ดูแลผิวหน้าด้วยโยเกิร์ต สูตรคลาสสิกอีก 1 สูตรที่ใคร ๆ ต่างแนะนำ แล้วเราจะไม่แนะนำให้ได้อย่างไร ก่อนพอกหน้าด้วยโยเกิร์ต ทำความสะอาดผิวหน้าเสียก่อน จากนั้นใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่ผสมผลไม้ มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดคลึงเบา ๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มขึ้น และดูผิวอมชมพูด้วย

  สูตรที่ 2 บำรุงผิวสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม ส่วนผสมได้แก่ แตงกวา 1 ผล ไข่ไก่ 1 ฟอง (ใช้แต่ไข่ขาว) และมะนาว 1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบาง ๆ แล้วนำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาว แล้วบีบมะนาวลงไป ปั่นจนรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพอกที่หน้า เว้นรอบดวงตาและปากไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก ทำบ่อย ๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันบนส่วนเกินได้ นอกจากนี้ยังสมานผิวหน้ากระชับรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน นุ่มนวลชุ่มชื่นด้วย

  สูตรที่ 3 สูตรหน้าใส ด้วยน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง จัดการผสมน้ำผึ้ง 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนชา เข้าด้วยกัน แล้วนำมานวดที่ใบหน้า ประมาณ 15 นาที กรดมะนาวเป็น AHA อย่างหนึ่ง จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ส่วนน้ำผึ้งช่วยสมานผิว และมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มอีกด้วย ครีมหน้าใส     

  สูตรที่ 4 สูตรกระชับรูขุมขน สูตรนี้จะเลือกใช้ กล้วยหอม แตงกวา มะเขือเทศอย่างใดอย่างหนึ่ง ปอกเปลือก เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เติมนมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้งลงไป นำไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีมพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะช่วยทำความสะอาดใบหน้า กระชับรุขุมขน และบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น
  สูตรที่ 5 สูตรคลีนเซอร์ (ทำความสะอาดผิวหน้า) สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว ส่วนผสม โยเกิร์ต ½ ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว ½ ช้อนโต๊ะ (คั้นสด) ผสมให้เข้ากัน พอกให้ทั่วหน้าทั้งตอนเช้าและก่อนนอนจะช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม    

เพียงแค่นี้ สาว ๆ ก็สามารถสร้างลุคสดใสดูอ่อนวัย ต้อนรับปีใหม่ ที่กำลังมาเยือนได้อย่างมั่นใจแล้วล่ะค่ะ

ที่มา..108health.com

คลีนเซอร์สูตรไร้สบู่กับองการทำความสะอาดใบหน้า







แม้ จะว่ากันว่าการทำความสะอาดผิวหน้าที่ดีที่สุด คือการล้างด้วยน้ำเปล่า แต่ในความเป็นจริงสำหรับผิวที่ผ่านทั้งฝุ่นละออง มีครีมกันแดด เครื่องสำอาง ทั้งยังมีน้ำมันที่ผลิตออกมาตามธรรมชาติแล้ว น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวจึงยังไม่สามารถให้ประสิทธิภาพในการชำระล้างที่หมด จดได้ จึงทำให้เกิดผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดผิวหน้าขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อโฟม เนื้อเจล เป็นก้อน หรือแบบไม่มีฟอง ซึ่งก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ตามความสะดวกและความเหมาะสมกับตัวเอง

          แต่ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับ ใบหน้านั้น ก็ควรจะพิถีพิถันเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผิวบริเวณที่บอบบางมากกว่าผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย หลาย ๆ คนใช้สบู่ถูตัวมาล้างหน้า ซึ่งนับว่าเป็นการทำร้ายผิวหน้ามากเกินไป ด้วยคุณสมบัติของผิวหน้าที่ปกติจะมีค่าความเป็นกรดด่างหรือค่า pH อยู่ที่ 4.5-6.5 เครื่องสําอางเกาหลี หรือว่าเป็นกรดอ่อน ๆ เพื่อเป็นการปกป้องผิวหน้าไม่ให้ติดเชื้อจากเชื้อโรคต่าง ๆ แต่สบู่ซึ่งเป็นมักประกอบขึ้นมาจากไขมันพืชหรือไขมันสัตว์ แล้วทำปฏิกิริยากับด่าง (โซเดียม, โพแทสเซียม) มีค่า pH 9.5-10.8 หรือมีคุณสมบัติเป็นด่าง

          เมื่อใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าแบบใดก็ตาม ที่มีส่วนผสมของสบู่มาล้างหน้า จึงทำให้ผิวเกิดสภาพความเป็นด่างขึ้นมาชั่วคราว โดยในคนทั่วไปผิวจะปรับคืนสู่สภาพเดิมได้ภายใน 30 นาที แต่ในคนที่มีผิวบอบบางหรือว่าแพ้ง่าย การปรับผิวให้คืนสู่สภาพเดิมจะใช้เวลานานกว่า ทำให้ผิวแห้ง หยาบกร้าน ระคายเคือง และเกิดอาการอักเสบได้ง่าย

          เพราะฉะนั้นหากจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างหน้า ก็ควรเลือกจากผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH เครื่องสําอางเกาหลี ใกล้เคียงกับผิวตามธรรมชาติ ซึ่งจะพบคุณสมบัติเช่นนี้ได้ในผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ปราศจากสบู่ หรือสูตร soap free, non-soap, soapless อันจะช่วยทำความสะอาด และยังคงสภาพสมดุลของผิวหน้าเอาไว้ จึงมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนและดีต่อสุขภาพผิวแน่นอนค่ะ

ที่มา..guru.thaibizcenter.com

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผิวสวย สดใส ได้ด้วยเลมอน

ผล ไม้รสเปรี้ยว ที่รู้จักกันอย่างเลมอนเป็นผลไม้ที่ใครก็รู้จัก แต่ทราบไหมค่ะว่า เลมอน ที่เราเห็นนั้นสามารถช่วยให้คุณสวยได้จากภายในสู่ภายนอกเลยล่ะค่ะ เราไปทำความรู้จักเจ้าผลไม้สีเหลืองทอง อย่างเลมอนกันดีกว่า

เลมอนลูกสีเหลืองทำอะไรได้บ้าง เมลอนให้กลิ่มหอมสดชื่นพร้อมรสเปรี้ยวปลุกให้ประสาทรับรสของเราตื่นตัว

แต่นอกจากจะกระตุ้นต่อมรับรสที่ลิ้นได้แล้ว เรายังสามารถใช้เลมอนในการดูแลความงามของร่างกายได้ด้วย
ไม่ ว่าจะเป็นปัญหาสิวหัวดำ รังแค หรือว่าเล็บที่เหลืองไม่น่าดู เจ้าผลไม้สีเหลืองที่ว่าก็ช่วยให้คุณสวยได้ แถมยังบำรุงเส้นผม เล็บ หรือจะดีท็อกซ์ร่างกายโดยขับของเสียออกมาได้ด้วยค่ะ งั้นเราไปรู้สรรพคุณของเลมอน ทั้งหมดเลยดีกว่าค่ะ ครีมหน้าใส   

ผิวสวยกับเลมอน

•บำรุง ผิวกาย เพื่อบำรุงผิวทั่วร่างกาย ใช้น้ำเลมอนครึ่งถ้วย ผสมน้ำ แล้วนอนแช่เพลิน ๆ ในส่วนผสมนั้น 15-20 นาที จะช่วยให้ผิวกายสดชื่นเปล่งปลั่งขึ้น.

•ลด สิวหัวดำ กำราบสิวอุดตันที่เห็นเป็นเม็ดดำ ๆ เล็ก ๆ กวนใจ ด้วยการใช้น้ำเลมอนแต้มบาง ๆ บริเวณที่เป็น แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน อย่าลืมล้างหน้าทันทีหลังจากตื่นนอน ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จะพบว่าสิวหัวดำๆ นั้นค่อย ๆ หายไป

•บำรุงผิว แห้ง หากสาวผิวแห้งต้องการเพิ่มความ ชุ่มชื้นแก่ผิว ให้ใช้น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และ น้ำเลมอน ในสัดส่วนเท่า ๆ กัน ผสมให้เข้ากันดี แล้วทาทิ้งไว้ทั่วใบหน้าราว 10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น

•สครับ ผิวหน้า สครับผิวหน้าด้วยเลมอน ทำได้ง่าย ๆ โดย ใช้เลมอนฝานบาง ๆ แตะน้ำตาลเกล็ดเล็ก แล้วจึงนวดเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า หรือจะเติมน้ำอุ่นลงไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้สครับผิวได้ลื่นมือขึ้น นอกจากจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ผิวยังสดใสขึ้นจากเลมอนด้วย
ผมสวยสุขภาพดีกับเลมอน

•บำรุง ผมแห้งเสีย เลมอนสามารถใช้เป็นส่วนผสม เพื่อหมักผมสำหรับผู้ที่มีผมกระด้างแห้งเสียได้ โดยผสมน้ำเลมอน 3 ช้อนโต๊ะ กับน้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย และ น้ำมันมะกอก 3/4 ถ้วย นำส่วนผสมนี้ชโลมลง บน เส้นผมที่เปียก หวีผมด้วยหวีซี่ห่างเพื่อกระตุ้นให้ เส้นผมซึมซับสารบำรุงได้ดี แล้วจึงหมักผมทิ้งไว้ 30 นาที ด้วยการใช้หมวกอาบน้ำ หรือ ผ้าขนหนูคลุมศีรษะไว้ จากนั้นล้างออกและสระผมตามปกติ

•ลดปัญหาผมมัน สำหรับสาวผมมัน ผสมน้ำเลมอน 2 ผล กับน้ำ และใช้ส่วนผสมนี้ในการล้างเส้นผมหลังการสระ จะช่วยลดควมมันของหนังศรีษะได้

•ขจัด รังแค ใครที่มีปัญหาเรื่องรังแค ลองใช้น้ำเลมอน 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง นวดหนังศีรษะให้ทั่วและหมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงล้างออก ส่วนผสมนี้ช่วยขจัดแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของรังแคได้ และเพื่อให้ได้ผลอย่างต่อเนื่อง ควรทำเป็นประจำ เดือนละ 1 ครั้ง

เล็บสวยด้วยเลมอน

 ใคร ที่อยากมีเล็บแข็งแรงและเงางามสุขภาพดี ให้จุ่มปลายนิ้วในน้ำเลมอนให้ชุ่ม ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วขัดเล็บด้วยแปรงขนอ่อน จากนั้นนวดเล็บและบริเวณรอบ ๆ ด้วยส่วนผสม น้ำอุ่น 1/2 ช้อนโต๊ะกับไวน์ขาว 1/3 ช้อนโต๊ะ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

ดีท็อกซ์จากน้ำเลมอน

 นอก จากจะบำรุงผิว ผม และ เล็บ ได้แล้ว น้ำเลมอนยังสามารถใช้เพื่อดีท็อกซ์ ล้างสารพิษในร่างกายออกมาได้อีกด้วย ผสมน้ำเลมอนกับน้ำผึ้งและน้ำอุ่น ดื่มทุกเช้า ส่วนผสมนี้จะกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานและขับของเสีย ครีมหน้าใส   
 ในร่างกายออกมา เพื่อให้ได้ผลดีควรทานทุกเช้า

 เรียก ได้ว่าเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์เสียจริง ๆ สำหรับเจ้าเลมอนลูกเหลือง ๆ รี ๆ นี้ ส่วนคุณผู้หญิงคนไหนไม่สะดวกในการหาซื้อเลมอน ลองประยุกต์ด้วยการใช้มะนาวที่หาได้ง่ายในบ้านเราแทนดูก็ได้ สวยทั่วกาย
 ได้ง่าย ๆ แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : zubzip.com
 

แปลงลิปสติกแท่งเก่าเป็นของใหม่ได้ง่าย ๆ





คาด ว่าสาว ๆ ที่รักการแต่งหน้าจำนวนไม่น้อย ไม่เคยใช้ลิปสติกจนหมดเกลี้ยงทั้งแท่ง ส่วนใหญ่มักจะเหลือลิปสติกก้อนหนึ่งที่โคนแท่งเอาไว้ ที่จะใช้ก็ไม่ค่อยสะดวกเสียแล้ว แต่จะทิ้งไปเลยก็เสียดาย เลยยังคงเก็บเอาไว้อย่างนั้น หากคุณเป็น คน หนึ่งที่มีลิปสติกพวกนี้เก็บไว้และยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกมันดี เคล็ดลับการปรุงชีวิตใหม่ให้กับลิปสติกแท่งเก่าที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะต้องถูกใจคุณแน่นอนเลยค่ะ

          นำลิปสติกแท่งเก่าที่ใช้จนกุดแต่ยังไม่หมดออกมา คุณสามารถจับมันมาผสมเข้าด้วยกันเป็นลิปสติกสีใหม่ที่คุณครีเอทขึ้นเองได้ โดยมีหลักการง่าย ๆ ดังนี้

         ลิปสติกแนวเมทัลลิกจะช่วยเพิ่มความแวววาวให้กับลิปสติกเนื้อแมท เครื่องสําอางเกาหลี 

         ลิปสติกสีนู้ดจะเพิ่มความสว่างให้ลิปสติกสีเข้ม ๆ ดูอ่อนลง

          หลักการผสมสีก็เพียงง่าย ๆ เท่านี้เองค่ะ ส่วนอุปกรณ์ที่คุณจำเป็นต้องใช้ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากไปกว่า มีด, ช้อน, ผ้า, และตลับเปล่าสำหรับใส่ลิปสติกสีใหม่ฝีมือคุณ

วิธีทำ

          1. ใช้มีดหั่นลิปสติกก้อนที่เหลือใช้สีต่าง ๆ ออกเป็นชิ้น (ยิ่งเล็กก็จะยิ่งละลายได้ดี)

          2. วางก้อนลิปสติกสีที่ต้องการผสมกันลงบนช้อน

          3. เปิดเตาแก๊ซ ใช้ผ้าหุ้มปลายช้อนจ่อเหนือเปลวไฟ 4 นิ้ว ก้อนลิปสติกที่อยู่ในช้อนจะค่อย ๆ ละลายเข้าด้วยกัน สามารถใช้ปลายช้อนอีกคันคนเพื่อผสมให้สีลิปสติกเข้ากันดี

          4. เมื่อละลายเข้ากันดีแล้ว เทใส่ตลับ ทิ้งไว้ให้เย็น เครื่องสําอางเกาหลี 

          เมื่อลิปสติกที่เทลงตลับเย็นและจับตัวกันเรียบร้อนแล้ว คราวนี้ก็ปิดฝา ได้เป็นลิปสติกสีสวย ๆ ที่คุณปรุงขึ้นมาเองในรูปแบบตลับฉบับ DIY พกไปใช้ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้แล้วล่ะค่ะ

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หน้าใสอ่อนเยาว์ แบบสาวชาวญี่ปุ่น



 คง ไม่มีใครไม่รู้จักสาวญี่ปุ่นหลอกใช่ไหมล่ะค่ะ ด้วยผิวพรรณ และความสดใสน่ารัก ของสาวๆ ญี่ปุ่น ทำให้สาวๆ หลายคนต้องอิจฉาเป็นแน่ เคล็บลับของสาวญี่ปุ่นที่ทำให้ผิวพรรณ สดใส อ่อนเยาว์นั้นไม่ยากเลยค่ะงั้นเราไปดูกัน

สาวญี่ปุ่นนั้นมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรกันน่ะ ที่ทำให้ตัวเองดูหน้าเด็ก อ่อนเยาว์ และผิวพรรณดีอยู่ตลอดเวลา ?

นั่น เพราะพวกเขาสอดแทรกการดูแลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ลงในไลฟ์สไตล์ประจำวัน จึงป้องกันไม่ให้ภาวะเสื่อมมาเยือนร่างกายเร็ว ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นสุขภาพ เนื่องจากทำตามง่ายโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนมาก เพียงปฏิบัติตามกฎทองดังนี้ค่ะ

กิน พออิ่ม ชาวญี่ปุ่นยึดถือหลักการดูแลสุขภาพของ ไคบาระ เอ็กเค็ง (นักปราชญ์ยุคเอโดะ) มาช้านาน ซึ่งแนะนำให้กินแค่พออิ่มหรือกินอิ่มร้อยละ 80 แล้วเน้นอาหารที่มีไขมันต่ำ ทั้งปลา เต้าหู้ ข้าว ผักและผลไม้ โดยใช้กรรมวิธีการปรุงไม่มาก เช่น นึ่ง ย่าง ต้ม ผัดเร็วๆ วิธีนี้ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี ทำให้ไม่อ้วนจนสุขภาพทรุดโทรมและดูแก่ ครีมหน้าใส

จิบ ชาเขียว สารฟลาโวนอยด์ โพลีฟีนอล และคาเทชิน (catechin) ในชาเขียว ช่วยต้านฟรีแรดิคัล (free radical) ในร่างกาย ที่เป็นตัวการทำร้ายเซลล์ผิวจนเกิดริ้วรอยบนใบหน้า

เดิน แทนใช้รถ เช่น ไปทำงาน ไปทำธุระตามสถานที่ที่ไม่ไกลมากนัก การเดินเป็นการออกกำลังกายที่สร้างความสดชื่น และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะกระตุ้นให้ใบหน้ามีเลือดฝาด

สังสรรค์ ผ่อนคลาย หลังเลิกงานหรือช่วงวันหยุด ควรหาเวลาพักผ่อนกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อหายเครียดจากงานหรือชีวิตที่เร่งรีบ จะช่วยลดการเกิดฟรีแรดิคัลและท็อกซินในร่างกาย
ครีมหน้าใส

กิน นอน พักผ่อน ออกกำลังกาย และทำงานให้สมดุลแบบชีวจิตเป็นสุดยอดเทคนิคเพิ่มหน้าอ่อนใสได้สุขภาพเช่นเดียวกันค่ะ

ที่มา..108health.com

วิธีแต่งหน้า คนผิวคล้ำ








สาว ๆ ที่มีผิวคล้ำ ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดมาไม่ขาวสวยเหมือนอย่างใคร ๆ เขา วันนี้เราขอเอาใจสาวที่มีผิวสีน้ำผึ้ง ผิวสองสี ไปจนถึงผิวคล้ำ ด้วย การนำเคล็ดลับการแต่งหน้าให้สวยเริ่ดมาฝาก ขอบอกว่าคุณจะกลายเป็นสาวผิวคล้ำที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลไม่แพ้สาวผิวขาวทั้ง หลายเลยแหละ ^^

     สำหรับสไตล์การแต่งหน้าของสาวผิวคล้ำนั้น จะเน้นไปทางเฉดสีที่ชวนให้คุณเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ อย่างสีนู้ด ควรเลือกสีรองพื้น เครื่องสําอางเกาหลี  และแป้งให้ใกล้เคียงกับสีผิวหน้ามากที่สุด หรือถ้าอยากให้หน้าดูสว่าง ให้เลือกเฉดที่สว่างกว่าผิวหน้าแค่ 1 เฉด จะสวยกำลังดี เพราะหากขาวเกินไป หน้าจะดูวอก ๆ หลอก ๆ ลอย ๆ (เดี๋ยวคนรอบข้างจะกลัวเอานะคะ)

      ส่วนสีของเปลือกตา สี เบจประกายทองหรือสีทองอ่อน ๆ ตามด้วยสีพีชหรือสีส้มกลาง ๆ แล้วใช้สีน้ำตาลเข้มหรือเทาเข้มเป็นเฉดดิ้งก็สวยดี ส่วนสีต้องห้ามที่ไม่ควรใช้อย่างเด็ดขาดเลย คือ สีเขียว เพราะจะทำให้คุณดูเป็นคนตาช้ำ ไม่สดใส ที่สำคัญอย่าลืมเขียนอายไลน์เนอร์ ดัดขนตา และปัดมาสคาร่าด้วยนะคะ

      มาถึงการเลือกใช้บลัชออน ควร ใช้สีโทนน้ำตาล หรือโทนส้มที่มีชิมเมอร์ทอง ๆ จะช่วยให้หน้าดูสว่างและเซ็กซี่ขึ้น หรือจะเป็นน้ำตาลอมแดง สีแดงระเรื่อ ๆ ก็สวยเริ่ดได้ค่ะ

      ปิดท้ายกันที่สีปาก คุณไม่ควรเลือกใช้ลิปสติกที่สีเข้มจัด เครื่องสําอางเกาหลี  หรือสีที่แรงมาก ๆ เพราะจะทำให้ปากดูลอย หลีกเลี่ยงสีที่ผสมแป้งขาว ๆ เพราะจะทำให้ปากดูบวม เพียงแค่เลือกใช้ลิปกลอสสี คุณก็ดูดีได้แล้วค่ะ ยิ่งถ้าเป็นสีเฉดเดียวกับสีแก้ม คุณจะดูเป็นสาวน่ารักมากเลยหละ คิคิ


          ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ คุณก็เป็นสาวผิวคล้ำที่สวยได้ ไม่แคร์ใครแล้ว...

ที่มา..guru.thaibizcenter.com

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หยุดทำร้ายผิวด้วยอุปกรณ์แต่งหน้า







การ แต่งหน้าสำหรับคุณสาวๆ ถือว่าเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งในชีวิตเลยใช่ไหมล่ะค่ะ ซึ่งการแต่งหน้าช่วยให้คุณดูสวยแล้วอุปกรณ์การแต่งหน้าก็ถือว่าเป็นเรื่อง ที่สำคัญเหมือนกันค่ะ ที่จะช่วยให้คุณมีใบหน้าที่สวยอยู่เสมอ

อุปกรณ์ ในการแต่งหน้าถือว่าเป็นเรื่องสำคัญค่ะที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณนั้นดูมี สุขภาพและสดใส ตลอดเวลา งั้นเรามาดูเคล็ดลับทำความสะอาดอุปกรณ์การแต่งหน้ากันดีกว่าค่ะ คุณสาวๆ จะได้มีผิวสวยๆ ตลอดไปค่ะ ครีมหน้าใส   

การ ละเลยทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าอาจทำให้เกิดปัญหาผิวที่คาดไม่ถึง ตั้งแต่สิวอุดตัน ตุ่มนูนแดงและมีหนองจากเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus จึงควรหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านี้ทุกๆ 2-4 สัปดาห์
1.แป้ง พัฟหรือฟองน้ำทาตา ล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือสบู่ล้างหน้าปกติ ล้างเสร็จบีบให้แห้ง นำไปซับบนผ้าขนหนูนิ่มๆ และปล่อยไว้บนผ้าขนหนูให้ลมพัดจนแห้งสนิท
2.ที่ดัดขนตา ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมล้างหน้าบริเวณที่สัมผัสกับขนตา ใช้กระดาษทิชชูเช็ดออกให้สะอาดแล้วเก็บไว้ในกล่อง
3.พู่กัน ต่างๆ หลังใช้ทุกครั้งควรปัดปลายพู่กันกับกระดาษทิชชูเพื่อลดฝุ่นสีที่ติดค้างแปรง ส่วนพู่กันทาปากต้องเช็ดสีออกทุกครั้งที่ใช้เสร็จ และทุก 2- 4 สัปดาห์ให้ล้างทำความสะอาดโดยแกว่งหรือสะบัดพู่กันไปมาในน้ำสบู่เพื่อให้ ฝุ่นหรือสีละลายออกแล้วบีบไล่น้ำ ทำซ้ำๆ จนสะอาด ใช้ผ้าขนหนูซับขนพู่กัน จากนั้นนำไปห่อกระดาษทิชชูและผึ่งลมให้แห้ง ครีมหน้าใส   

เพียงคุณทำความสะอาดอุปกรณ์การแต่งหน้าเป็นประจำ คุณสาวๆ ก็จะมีใบหน้าที่สวยไว้อวดหนุ่มๆ แล้วล่ะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นิตยสาร Health&Cuisine

แต่งหน้ายามเช้าให้สวยเร็วทันใจ







ผู้หญิง ทุกคนต่างฝันถึงการมีเวลา ยามเช้าอย่างเหลือเฟือเพื่อที่จะได้บรรจงแต่งหน้าอย่างตั้งใจ ทว่าความเป็นจริงไม่ได้ใจดีกับสาว ๆ อย่างเราแบบนั้นเลยค่ะ ชั่วโมงยามเช้าที่เร่งรีบ นอกจากจะต้องกันเวลาไว้แต่งหน้าแล้ว ยังมีเวลาสำหรับอาหารเช้า (รวมถึงเตรียมอาหารให้คนรักและลูก ๆ) เวลาที่ต้องแบ่งให้การอาบน้ำแต่งตัว แถมยิ่งทำให้เสร็จได้เร็วเท่าไหร่นั่นก็หมายถึงมีเวลาเผื่อรถติดบนท้องถนน มากขึ้น ไปถึงที่ทำงานเร็วขึ้นด้วย (เอ๊ะ หรือว่าแค่สายน้อยลง ^^") มี เวลานั่งพักผ่อนสบาย ๆ สักครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มต้นทำงานในช่วงเช้า ฟังดูแล้วก็รู้สึกว่าเวลายามเช้าทุก ๆ นาทีนั้นแสนมีค่าเสียจริง ๆ จะให้ทุ่มเวลากับการแต่งหน้าอย่างเดียวคงไม่ได้การ แต่จะให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเรามาเรียนรู้เคล็ดลับแต่งหน้ายามเช้าให้เสร็จเร็วทันใจ ใช้เวลาไม่นานด้วยเครื่องสำอางเพียง 4 ชิ้น ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ

รองพื้น

          การใช้รองพื้นจะช่วยปรับสีผิวบนใบหน้าของคุณให้สม่ำเสมอ และในกรณีการแต่งหน้าในเวลาอันเร่งรีบ เปลี่ยนจากการใช้รองพื้นชนิดครีม เครื่องสําอางเกาหลี มาเป็นแบบแป้งฝุ่นผสมรองพื้นหรือมอยส์เจอไรเซอร์เจือสีก็ได้ ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกรองพื้นที่มีสีกลมกลืนกับสีผิวของคุณ ได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ

เคล็ดลับในการใช้

          สำหรับแป้งฝุ่นผสมรองพื้น ให้ใช้แปรงหรือฟองน้ำแตะแป้งขึ้นมา เคาะแป้งส่วนเกินออก แล้ววนแปรงในแนววงกลมให้ทั่วใบหน้า โดยเริ่มที่คาง จมูก และหน้าผาก จากนั้นจึงปัดออกมาที่กรอบใบหน้า ส่วนกรณีที่ใช้ฟองน้ำ ก็ให้ค่อย ๆ แตะและตบแป้งเบา ๆ ในทิศทางเดียวกับการใช้บรัช ทั้งนี้การลงแป้งฝุ่นผสมรองพื้นหลังจากบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ จะช่วยให้แป้งติดผิวหน้าได้ดีขึ้น

          สำหรับมอยส์เจอไรเซอร์เจือสี ให้แต้มที่จุดทั้งห้าของใบหน้า และทาให้ซึมลงสู่ผิวหน้าเช่นเดียวกับการทาครีมบำรุงผิวทั่วไป

เวลาที่ใช้

20 - 30 วินาที


บรอนเซอร์

          บรอนเซอร์ส่วนใหญ่มักมีสองเฉดมาในตลับเดียวกัน นั่นคือเฉดเข้มกับเฉดอ่อน ให้ใช้เฉดเข้มจะช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดีแบบผิวบ่มแดดนิด ๆ ส่วนเฉดอ่อนนั้นสามารถใช้แทนไฮไลท์ได้คือช่วยให้ผิวส่วนนั้นดูผ่องขึ้น เปล่งประกายออกมาจากผิวนั่นเองค่ะ

เคล็ดลับในการใช้

          ใช้แปรงหัวกลมแตะบรอนเซอร์เฉดเข้ม ปัดตรงใบหน้าบริเวณที่โดนแดดโดยธรรมชาติ ได้แก่ หน้าผาก โหนกแก้ม ปลายจมูก และที่คางเล็กน้อย รวมถึงสามารถปัดที่เนินอกเพื่อสร้างความสมดุลกับใบหน้าได้ด้วย ส่วนบรอนเซอร์เฉดอ่อนให้ใช้กับรอบ ๆ ดวงตา ให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ซึ่งการปัดบรอนเซอร์นั้นเพียงแค่ปัดแปรง 4-5 ครั้ง ก็เรียบร้อยแล้ว

เวลาที่ใช้

20 - 30 วินาที


มาสคาร่า

          แม้จะไม่มีอายไลน์เนอร์และอายแชโดว์ แต่ดวงตาของคุณก็จะโตสวยดูโดดเด่นขึ้นได้ด้วยการใช้มาสคาร่าเพียงแท่งเดียว นี่แหละค่ะ เลือกใช้มาสคาร่าที่ช่วยเพิ่มความหนาให้กับขนตา และที่สามารถกันน้ำได้ หากคุณมีกิจกรรมที่อยู่กลางแจ้งและเสี่ยงต้องเจอกับฝนหรือสภาพอากาศที่คาด ไม่ถึง ใช้มันปัดที่ขนตาทั้งสองข้างก็จะช่วยทำให้ดวงตาคมเข้มขึ้น ขับลูกตาดำขลับหรือสีน้ำตาลเข้มของคุณให้ดูเป็นประกายน่ามอง ทั้งนี้ให้เลือกใช้สีดำเท่านั้น เพื่อขับดวงตาให้โดดเด่นออกมากจากใบหน้า ยกเว้นแต่กรณีที่คุณทำผมสีบลอนด์หรือสีแดง มาสคาร่าสีน้ำตาลจะทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า

เคล็ดลับในการใช้

          ดึงมาสคาร่าออกมาในครั้งเดียวโดยไม่ต้องจุ่มเข้าจุ่มออก เริ่มปัดที่ขนตาบนโดยเริ่มให้ชิดแนวขนตามากที่สุด ปัดสุดปลายในคราวเดียว จากนั้นจึงจุ่มลงไปแตะน้ำยาอีกครั้ง แล้วปัดขนตาล่างเบา ๆ ทำเช่นนี้กับดวงตาทั้งสองข้าง เท่านี้ก็เรียบร้อย

เวลาที่ใช้

45 วินาที - 1 นาที

ลิปกลอส

          ลิปกลอสแท่งเก่งคู่ใจ จะทำให้ริมฝีปากของคุณดูชุ่มฉ่ำแวววาว มีชีวิตชีวา ไม่ซีดเซียวแบบคนไม่ได้ทำอะไรกับริมฝีปากเลย จะเลือกใช้แบบสีหรือออกโทนใส ๆ เจือสีนิดหน่อยก็ได้ค่ะ

เคล็ดลับในการใช้

          หากได้ทาลิปบาล์ม เครื่องสําอางเกาหลี หรือตบแป้งฝุ่นลงไปบาง ๆ ที่ริมฝีปากก่อน ก็จะช่วยให้กลอสที่ทาลงไปติดทนนานขึ้น

เวลาที่ใช้

3 - 5 วินาที

          ด้วยไอเท็มเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านี้ ก็ทำให้คุณสวยปิ๊งได้แม้ในชั่วโมงที่เร่งรีบ ในวันทำงานธรรมดาการแต่งหน้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ แค่ฝึกใช้เครื่องสำอางทั้ง 4 อย่างนี้แต่งให้สวยได้ รับรองว่าคราวนี้ถึงจะตื่นสายจนเหลือเวลาเตรียมตัวเพียงอึดใจ คุณก็ไม่มีทางเดินหน้าเปลือยไปที่ทำงานแน่นอน


ที่มา..guru.thaibizcenter.com

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผิวของคุณเป็นแบบไหน และควรดูแลอย่างไร?




 เรื่อง ผิวพรรณสำหรับคุณสาวๆ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะผิวที่สุขภาพดี ย่อมส่งผลกับคุณด้วย วิธีในการดูแลผิวพรรณนั้นไม่อยาก แต่คุณทราบไหมค่ะว่าคุณนั้นต้องดูแลผิวของคุณอย่างไรกันบ้าง ผิวของคุณเป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ? ผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกันกัน บางคนผิวแห้ง บางคนผิวผสม หรือบางทีผิวของคุณก็เป็นผิวมันเกินไป

แล้ว คุณทราบถึงวิธีในการดูแลผิวของคุณกันบ้างไหมค่ะว่าคุณนั้นต้องดูแลผิวยังไง กัน วันนี้เรามีความรู้ดีๆ เกี่ยวกับผิวของของคุณในแต่ละแบบมาบอกคุณสาวๆ กันค่ะ

งั้นเรามาลองมดสอบผิวของคุณกันค่ะว่าผิวของคุณเป็นแบบไหน? ครีมหน้าใส
ล้าง หน้าให้สะอาด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าทำการตรวจสอบทันทีหลังล้างหน้า อาจทำให้คลาดเคลื่อนได้ เพราะแม้แต่คนที่หน้ามันสุด ๆ ยังดูแห้งได้หลังจากล้างหน้าใหม่ ๆ จึงควรทิ้งเวลาออกไปเพื่อดูการทำงานของต่อมไขมัน โดยใช้กระดาษนุ่ม ๆ บาง ๆ ปิดหน้า ถ้ากระดาษติดหน้าแสดงว่าผิวมัน ถ้าไม่ติดหน้าเลยแสดงว่าผิวแห้ง ถ้ากระดาษติดหน้าเพียงบางส่วนโดยเฉพาะบริเวณทีโซนแสดงว่าคุณมีผิวปกติ

•ผิว แห้ง เป็นผิวที่ไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้ ทำให้ใบหน้าดูไม่มีชีวิตชีวา และมีโอกาสเกิดรื้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น ๆลักษณะของคนผิวแห้ง บริเวณแก้มด้านล่างที่ต่อกับคางและผิวใต้ตาจะดูแห้ง บางครั้งจะลอกเป็นขุย

ขั้น ตอนการดูแล หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่นเช็ดผิว เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้นทางทีดีควรใช้น้ำเปล่าล้างหน้าในช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็น ซึ่งต้องล้างเครื่องสำอางออก ควรเลือกใช้ ครีมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ซึ่งจะรู้สึกผิวลื่น ๆหลังล้างหน้า ส่วนก่อนนอนควรบำรุงผิวหน้าด้วยครีมบำรุง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าสำหรับคนที่หน้าแห้งมาก จนแตกเป็นลายงา ให้เพิ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ในช่วงเช้าและกลางวันแต่คนผิวแห้งก็มีข้อดี คือ รูขุมขน มักกระชับมองดูหน้าเนียนและไม่ค่อยมีปัญหาใบหน้ามันย่อง จนทำให้แต่งหน้าไม่ติดทน

•ผิว มัน ผิวประเภทนี้ จะมีความมันกระจายอยู่ทั่วใบหน้า และจะมีความมันมากเป็นพิเศษบริเวณทีโซน หรือแถวหน้าผาก คาง และจมูก คนผิวมันดูเหมือนว่า จะเกิดริ้วรอยได้ยากกว่าคนผิวแห้งแต่ ก็ทำความสะอาดได้ยากกว่า และเนื่องจากต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ จึงทำให้รูขุมขนใหญ่ ผิวหน้าดูหยาบกว่าคนผิวแห้ง ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของคนผิวมัน คือ เมื่อไขมันออกมาเคลือบใบหน้ามาก ๆ เข้าทำให้ใบหน้าดูมันย่อง หน้าตาไม่สดใส แต่งหน้าก็มักไม่ติดทน

ขั้น ตอนการดูแล เลือกใช้สบู่อ่อน ๆ หรือเจลใสล้างหน้า และไม่จำเป็นต้องล้างหน้าบ่อย ๆ ถ้าหน้ามันมาก ให้ใช้กระดาษซับหน้า คอยดูดซับน้ำมันออก จะช่วยให้ผิวหน้าผ่องขึ้นได้ ส่วนเครื่องสำอาง เลือกใช้ชนิด Oil-free เพื่อไม่ให้ใบหน้าดูมันเยิ้ม

•ผิว ปกติ จริง ๆ แล้วคนส่วนใหญ่ มักมีผิวลักษณะนี้ คือ จะมีน้ำมันเคลือบผิวบาง ๆ บริเวณทีโซน คือส่วนของหน้าผาก และจมูกจะมีความมันมากกว่าส่วนของแก้ม ครีมหน้าใสในขณะที่ผิวรอบดวงตาและส่วนของแก้มลงมาจนถึงคอ จะดูแห้งกว่าบริเวณทีโซนขั้น ตอนการดูแล ควรล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และไม่ควรใช้โลชั่นทีมีส่วนผสมของแอลกฮอล์ เพราะจะทำให้คุณเป็นคนผิวแห้งได้ ส่วนการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ให้เลือกทาเฉพาะส่วนของแก้ม และผิวรอบดวงตา เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย

 วิธี การดูแลผิวแต่ละแบบจะไม่เหมือนกันยังไงซะคุณสาวๆ ลองเลือกวิธีการดูแลผิวที่เหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุดน่ะค่ะ เพื่อผิวที่สดใสของคุณเอง

ที่มา..108health.com

เคล็ดลับเลือกสีไพร์เมอร์ ให้เหมาะกับสีผิว





ถ้าผิวหน้าของคุณออกโทนแดง ๆ หรือมีรอยแดง ๆ บริเวณจมูก หน้าผาก คาง ฯลฯ คุณก็ไม่จำเป็นต้องระวังเรื่องสีสันของเครื่องสำอาง แค่ใช้ไพร์เมอร์โทนสีเขียวกลบเกลื่อนรอยแดง ๆ ซะก่อนเท่านั้น

        ถ้าผิวหน้าของคุณออกโทนเหลือง เครื่องสําอางเกาหลี คุณก็ต้องใช้ไพร์เมอร์โทนสีม่วงกลบเกลือนเงาคล้ำให้หมดก่อน การใช้โทนสีบรอนซ์แต่งบริเวณตาจะช่วยผิวโทนเหลืองดูอบอุ่นขึ้นได้

        ถ้าผิวหน้าของคุณออกโทนฟ้า ๆ เทา ๆ (มักจะพบมากในคนผิวขาว) ซึ่งมักมองเห็นเส้นเลือดใต้ผิวได้นั้น คุณก็ต้องเลือกไพร์เมอร์โทนสีแอ๊ปปริคอต และพยายามหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางโทนสีม่วงบริเวณตา

        ถ้าผิวหน้าของคุณออกโทนชมพู เครื่องสําอางเกาหลี ก็ควรเลือกไพร์เมอร์โทนสีเขียวแบบเดียวกับสาวที่ออกโทนแดง ๆ และพยายามหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอางโทนสีชมพูอ่อนหรือแอ๊ปปริคอต เพราะจะยิ่งขับให้เห็นสีชมพูชัดขึ้น

ที่มา..guru.thaibizcenter.com

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผิวสวย หน้าใส จากไพล สมุนไพรโบราณ







  สมุนไพรโบราณกับความสวยความงามของคุณสาวๆ ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก ไม่ว่าการพอกหน้า หรือการขัดผิว สาวๆ นิยมให้สมุนไพรในการดูแลผิว และไพล ก็เป็นหนึ่งในการดูแลผิวของคุณสาวๆ อีกด้วย

คุณ ผู้หญิงส่วนใหญ่ปรารถนาในเรื่องความสวยความงาม ไม่ว่าจะใบหน้า หรือผิวพรรณที่จะต้อง สวยเด่นสะดุดตา ซึ่งในปัจจุบันวิธีการบำรุงผิวหน้า และผิวกายนั้นมีมากมาย..

การเลือกที่จะใช้เครื่องสำอางในบางครั้งอาจจะต้องเสียเงินแพงๆ ครีมหน้าใส  เพื่อให้ตัวเองขาว ใส ตลอดเวลา แต่เดียวนี้ยังมีสาวๆ อีกมากมายที่หันตัวเองมาใช้สมุนไพรจากธรรมชาติในการดูแลตัวเอง ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ ก็ช่วยให้สาวๆ ขาวและสวยได้เช่นกัน พูดมาซะขนาดนี้สาวๆ คงอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะค่ะ ว่าสมุนไพรแบบไหนที่ช่วยให้คุณสาวๆ สวยใสขึ้นได้ งั้นเราไปทำความรู้จักกันเลยค่ะ

ไพล หลายๆคนอาจเคยได้ยินชื่อ เพราะเป็นสมุนไพรไทย ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน จะเห็นจากตำหรับยาไทยต่างๆ จะมีไพล เป็นส่วนประกอบเสมอ •ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber montanum Rosc วงศ์ Zingiberaceae
•ชื่ออังกฤษ Thai ginger,Bengal ginger
•ชื่อท้องถิ่น ปูลอย ปูเลย ( เหนือ) ว่านไฟ ( กลาง) มิ้นสะล่าง (แม่ฮ่องสอน)
สรรพคุณทางยา
 ไพล เป็นพืชที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณกาล นิยมปลูกไว้ในบ้าน เป็นพืชวงศ์เดียวกับ ขิง ข่า ตามตำหรับโบราณ ไพลเป็นส่วยผสมของยาอบสมุนไพร ช่วยสมานผิวและทำให้ผิวเต่งตึงสดใสจากการวิจัยพบว่าน้ำมันหอมระเหย
 จากเหง้ามีฤทธิ์ลดอาการอักเสบ แก้ปวดข้อ ขัด ยอกและปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อได้ผลดี

 ไพล จัดว่าเป็นพืชล้มลุกที่สูงราว 1-1.5 เมตร มีดอกสีเหลืองนวล ออกดอกเป็นช่อรูปกรวย มีผลขนาดเล็กลักษณะเป็นก้อนกลม แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่ส่วนเหง้าซึ่งมีเปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง ส่วนเนื้อในมีสีเหลือง
 แกม เขียว มีกลิ่นเฉพาะและเป็นส่วนที่เราสามารถนำมาทำแป้งขัดผิวช่วยทำให้ผิวผุดผ่อง เป็นยองใย ลบริ้วรอยจุดด่างดำ และทำให้ไม่เกิดสิว ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระด้วย

วิธีทำแป้งไพลขัดผิว ก็โดยการนำเหง้าไพลหั่นหยาบๆ ประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ พร้อมด้วยดินสอพอง 3 ถ้วยตวง มาทุบให้พอแตกแล้วลงปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงเติมน้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง
 แล้ว ปั่นให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง ก่อนนำมาปั้นเป็นก้อนเล็กๆ นำไปตากแดดให้แห้งสนิทดีแล้วจึงเก็บใส่ขวดโหลเพื่อเก็บไว้ใช้ได้เป็นเวลานาน ครีมหน้าใส 

 ส่วน วิธีใช้นั้นก็เพียงนำแป้งไพล 2-3 ก้อน ผสมกับน้ำเย็นทาพอกหน้าก่อนนอนประมาณ 15-30 นาที จึงล้าง ออก แต่หากอยากให้ใบหน้าอ่อนนุ่มก็สามารถเติมนมสด หรือโยเกิร์ตประมาณ 2 ช้อนชาลงไปด้วยก็ได้

 เพียงเท่านี้คุณสาวๆ ก็จะมีใบหน้าที่สวย ใส และสุขภาพดี โดยไม่ต้องเสียเงินแพงๆ ไปหาซื้อครีมบำรุงมาใช้กัน


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : kapook.com

เปรี้ยวๆด้วยอายไลน์เนอร์ขอบตาล่าง








คุณ ผู้หญิง ๆ ที่อยากแต่งหน้าให้ตัวเองได้ลุคสาวเปรี้ยวแบบไม่ต้องยุ่งยากก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่แต่งตาโทนธรรมชาติ (หรือจะไม่แต่งก็ได้) แล้วเขียนอายไลน์เนอร์เฉี่ยว ๆ เครื่องสําอางเกาหลี ที่แนวขนตาบน ตวัดหางให้ชี้ขึ้นเล็กน้อย ตามด้วยปัดแก้มระเรื่อเป็นธรรมชาติ และริมฝีปากสีนู้ด เพื่อไม่ให้ขโมยซีนดวงตาที่ตั้งใจให้โดดเด่นออกมาเป็นอันดับแรก เพียงเท่านี้ก็ได้ลุคสาวเปรี้ยวตามที่ต้องการแล้ว

          แต่ถ้าอยากเปรี้ยวเก๋ไก๋แปลกตา ล้ำหน้ากว่าคนอื่นไปอีกสเต็ปแล้วล่ะก็ ต้องลองการแต่งตาด้วยการเขียนอายไลน์เนอร์ที่ขอบตาล่างแทน เริ่มต้นเบา ๆ แบบมือใหม่ก่อน ด้วยการเขียนอายไลน์เนอร์ที่ขอบตาบนตามปกติ แล้วจึงเลือกอายไลน์เนอร์สีสด ๆ เครื่องสําอางเกาหลีสัก สี อย่างม่วงหรือน้ำเงิน มาเขียนประกบที่แนวขนตาล่าง เท่านี้ก็ได้ความเปรี้ยวเก๋ไก๋ แปลกตากว่าใคร ๆ จากนั้นเมื่อมั่นใจจะลองเขียนอายไลน์เนอร์แค่ที่ขอบตาล่างเดี่ยว ๆ อย่างเดียวก็ได้ค่ะ

ที่มา..guru.thaibizcenter.com

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผิวสวย หน้าใส ด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์







ใครๆ ก็อยากจะมีหน้าใสๆ และผิวสวยๆ กันทั้งนั้น ซึ่งถ้าคุณเลือกที่จะใช้ครีมบำรุงราคาแพงก็อาจจะทำให้คุณเสียเงินเป็นจำนวน มาก ลองเปลี่ยนเป็นการทานอาหารที่มีประโยชน์กันดูไหมค่ะ

การมีผิวพรรณที่ดีนั้น คุณคงต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และดีกับตัวเอง เพราะนอกจากจะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีแล้ว..

อาหาร ที่คุณทานเข้าไปจะช่วยให้ผิวพรรณของคุณ สดใส เปล่งปลั่ง และมีน้ำมีนวลด้วยค่ะ อยากทราบ ถึงวิธีการทานอาหารเพื่อให้ผิวของคุณสวยกันแล้วใช่ไหมล่ะค่ะ ครีมหน้าใส งั้นเราไปทานอาหารเหล่านั้นกันเลยค่ะ

 การ ใส่ใจกับอาหารที่รับประทาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณของ เราอย่างครบถ้วน อาหารที่ช่วยให้ผิวสวย สดใส ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนัง  มีหลายชนิดที่หาทานได้ง่ายๆ ใกล้ตัวเรา เช่น

อาหารที่ให้วิตามินซีและอี
ที่ ให้วิตามินซี เช่น  ผักใบเขียว  พืชตระกูลส้ม ฝรั่ง  บรอคโคลี  กระหล่ำดอก  พริกหวาน  พืชจำพวกถั่วและเมล็ดถั่วต่างๆ เนื้อสัตว์ ปลา ผลิตภัณฑ์จากนม ส่วนของวิตามินอี  เช่น น้ำมันพืช ถั่ว เมล็ดพืช มะกอก อะโวคาโด ช่วยลดริ้วรอยและอาการผิวแก่กว่าวัย

อาหารที่ให้วิตามินเค
ได้แก่ อาหารประเภทผักใบเขียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรอคโคลีและผักโขมช่วยลดรอยฟกช้ำ  ลดรอยดวงรอบดวงตา

อาหารที่ให้วิตามินบี 9
ได้แก่ อาหารประเภท ผักใบเขียว พืชตระกูลถั่ว จมูกข้าวสาลี ช่วยทำให้เซลล์มีความแข็งแรงและสร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้ผมหงอกช้าลง สำหรับคนที่ผมร่วงและป้องกันผิวหนังอักเสบ ให้ทานกล้วย โอตมีล ไข่ และข้าว ครีมหน้าใส

สาร อาหารเหล่านี้จะช่วยให้คุณสาวๆ มีสุขภาพที่ดีทั้งภายใน และภายนอกเลยล่ะค่ะ ยังไงซะมื้ออาหารถัดไปก็ลองเลือกอาหารที่เรานำมาบอกกันดูน่ะค่ะ สาวๆ จะได้มีผิวที่สวย ใสกัน


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : health.upyim.com

แต่งหน้าให้เริ่ด ต้อนรับสายฝน







ช่วง นี้สาว ๆ อย่าเพิ่งไว้วางใจกับสภาพอากาศมากนะคะ  เพราะไม่รู้ว่าท้องฟ้าจะครึ้ม ฝนจะตกเอาตอนไหนไม่บอกไม่กล่าวกันให้ทราบ  อย่างนั้นสิ่งที่สาว ๆ ควรจะทำและระวังให้มากที่สุดคือเรื่องการแต่งหน้า  หากวันไหนแต่งหน้ามาสวยแต่เกิดฝนตก เครื่องสำอางอาจจะหลุด เลอะเทอะ  กลายเป็นหมีแพนด้า มาสคาร่าเลอะ ครีมรองพื้นเนอะได้  วันนี้มีวิธีการเตรียมตัวและแต่งหน้าอย่างไร ให้สาว ๆ ได้พร้อมเฉิดฉาย งามเลิศในช่วงย่างเข้าฤดูฝนแบบนี้

          ก่อนเราจะสวยกัน  มาเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางที่สาวๆ ชอปกันมาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ว่ามีเครื่องสำอางเหล่านี้ติดกระเป๋าเอาไว้หรือเปล่า  ถ้าไม่ !  ลองมาเลือกเครื่องสำอางกันค่ะว่าในช่วงหน้าฝนกันว่าควรจะมีเครื่องสำอางแบบ ไหนติดกระเป๋าเอาไว้บ้าง
            สิ่งที่สำคัญของการแต่งหน้าคือการเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะสม  หากสาวๆ คิดว่าสักแต่จะแต่ง ๆ  ตามแบบของตัวเองแล้วคิดว่าสวย ก็อาจจะพลาดได้เหมือนกัน  เราควรเลือกเครื่องสำอางที่กันน้ำได้

          -  รองพื้น  ควรใช้รองพื้นชนิดครีม เครื่องสําอางเกาหลีเนื่องจากในรองพื้นชนิดนี้จะมีน้ำมันผสมอยู่  เมื่อฝนตก ปฏิกิริยาของน้ำและน้ำมันเจอกันจะไม่ทำให้รองพื้นของคุณหลุดได้

          -  อายแชโดว์  ก็ควรเป็นชนิดครีม  ซึ่งในเครื่องสำอางชนิดครีมก็จะมีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งจะไม่ให้ดวงตาของคุณขาดสีสันได้

          -  มาสคาร่า  จะ เป็นหมี แพนด้ากันหรือเปล่าก็ตรงนี้แหละค่ะ  เราต้องเลือกมาสคาร่าชนิดกันน้ำ  หรือที่เรียกว่า Waterproof  เพราะมีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี  แต่ก็ต้องระวังช่วงการล้างหน้า ซึ่งจะต้องใช้เมคอัพรีมูฟ ครีมหรือเจลทำความสะอาดเครื่องสำอางชนิดกันน้ำ เพื่อไม่ให้เครื่องสำอางเหลือตกค้างและก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าของคุณได้

          - บลัชออน  ก็ใช้การเลือกแบบครีม เช่นเดียวกับครีมรองพื้นและอายแชโดว์   และการใช้บลัชออนชนิดครีมจะช่วยให้แก้มของคุณดูมีสีสันติดทนนานตลอดทั้งวัน ได้ด้วย

          เมื่อในกระเป๋ามีเครื่องสำอางเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว เรามาเริ่มขั้นตอนการแต่งหน้ากันเลยค่ะ

          -  หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าของคุณเสร็จแล้ว  ทาครีมบำรุงต่างๆ ให้ทั่วใบหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในสภาพผิว

          -  แตะครีมรองพื้นบาง ๆ ให้ทั่วทั้ง 5 จุด  เช่น แก้ม 2 ข้าง จมูก คาง และหน้าผาก  เกลี่ยให้ทั่วเบา ๆ ทั่วใบหน้า นอกจากครีมรองพื้นจะช่วยกันน้ำได้ และยังช่วยให้สีสันของเมคอัพดูโดดเด่นและติดทนนาน

          -  แต้มครีมบลัชออน บริเวณโหนกแก้ม เบา ๆ เคล็ดลับคุณอาจจะใช้นิ้วนางและนิ้วกลางในการเกลี่ยได้ เพราะนิ้วทั้งสองนิ้วจะทำให้เกิดแรงสัมผัสที่เบากว่านิ้วอื่นๆ  จากนั้นตามด้วยแป้ง  และแต่งตาด้วยอายแชโดว์ สีสันที่คุณต้องการ

          -  การทาอายแชโดว์ เครื่องสําอางเกาหลี  ชนิดนี้จะต้องเกลี่ยให้เนียน สม่ำเสมอทั่วทั้งตา  และกดทับด้วยแบบฝุ่นเพื่อให้สีอายแชโดว์ติดทนนาน

          -  ปัดมาสคาร่า ชนิดกันน้ำและมีขนแปรงที่เว้นระยะในการเรียงเส้น ให้ปัดง่ายและขนตาเรียงสวย  เคล็ดลับให้ขนตางอนเป็นธรรมชาติ ให้เริ่มปัดจากโคนขนตา จากนั้นบิดแล้วช้อนขนตาค้างเอาไว้ 2 วินาที เพื่อให้ขนตาได้รูปตามต้องการ

          -  เติมสีสีนให้เรียวปากด้วยลิปสติก

          เพียงเท่านี้ สาว ๆ ก็พร้อมเฉิดฉาย  ในฤดูกาลแห่งสายฝนอย่างมั่นใจ ได้ค่ะ

ที่มา..guru.thaibizcenter.com

ริ้วรอยก่อนวัย เกิดจากผิวคุณขาดน้ำ







เคย สังเกตุผิวของตัวเองบ้างไหมค่ะ ว่าเป็นคนผิวแบบไหนกันบ้าง สาวหลายคนอาจเกิดปัญหาผิวแห้งได้ง่าย โดยปัจจัยอาจเกิดจากอยู่ในห้องแอร์นานๆ หรือบางคนไม่ค่อยทานน้ำ สิ่งเหล่านี้มีผลให้ผิวของคุณเป็นริ้วรอยได้ง่าย

ใน ร่างกายของคนเรานั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกายอยู่ 70% ซึ่งน้ำเป็นแปรสำคัญในการช่วยระบบต่างๆ ในร่างกายของเราให้เป็นไปอย่างปกติ และถ้าหากร่างกายของคุณเกิดขาดน้ำ ...

แน่ นอนว่าระบบภายในของคุณย่อมไม่ทำงานในสิ่งที่ควรจะเป็น รวมแม้นกระทั่งผิวพรรณของคุณด้วย ที่จะทำให้แห้ง และเป็นริ้วรอยได้ง่าย แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของคุณขาดน้ำ เรามีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยตวรจสภาพผิวของคุณว่าคุณเป็นคนผิวแห้งหรือเปล่า มาบอกกันค่ะ ครีมหน้าใส

1.ใช้ปลายนิ้วกดหรือยกผิวหนัง บริเวณโหนกแก้มเบา ๆ คอยสังเกตว่าเกิดรอยแห้งบนผิวที่กดลงไปหรือไม่ ซึ่งรอยแห้งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาพผิวหน้าของเราว่าขาดน้ำมากน้อยแค่ไหน

2.ความมันที่ปรากฏบนผิวหน้า เราไม่สามารถใช้เพียงน้ำมันเป็นตัวตัดสินสภาพของผิวหน้าได้ คนที่หน้ามันเงา จนแทบจะทอดไข่ได้ในแต่ละวัน ลองสังเกตดูว่า ผิวหน้าที่มันนี้แลดูแห้งกร้าน ไม่เรียบ มีริ้วรอยหรือไม่ เพราะความมันส่วนเกินบนใบหน้าอาจจะเกิดจากสภาพผิวที่ขาดน้ำ จนผิวหน้าต้องผลิตน้ำมันออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงผิวแทนก็ได้นะ
สำหรับ การดูแลผิวที่ขาดน้ำ ก็ใช้หลักการไม่ยาก ในเมื่อขาด เราก็จัดการเติมน้ำส่วนที่ขาดให้กับผิวเราเสียสิคะ แน่นอนว่าเรามีวิธีการเติมน้ำให้ผิวมาฝากกัน

1.หลักการพื้นฐานในการพื้นฟูสภาพ ผิวที่ขาดน้ำ คือ การดื่มน้ำ แม้จะมีกูรูบางท่านออกตัวว่าลองกับตัวเองแล้วพบว่าการดื่มน้ำไม่ได้ทำให้ผิว ชุ่มชื่นขึ้น แต่จากการวิจัยมีผลการทดสอบที่สามารถยืนยันได้ กับ เด็กฝาแฝดคนที่ดื่มน้ำน้อยกับคนที่ดื่มน้ำเพียงพอ ผลปรากฏว่าคนที่ดื่มน้ำน้อยจะมีผิวแห้งกร้านกว่าคนที่ดื่มน้ำเพียงพอ เพราะฉะนั้นนี่คือกฎพื้นฐานของสาว ๆ ที่จะต้องจำไว้เพื่อดูแลตัวเอง

2.ใช้ครีมบำรุงผิวหรือมอยส์เจอไร เซอร์ที่มีคุณสมบัติในการเติมน้ำให้กับผิวชั้นใน ประเภท Hydrate ทั้งหลาย เพราะหากเลือกเติมน้ำเฉพาะผิวชั้นนอก จะทำให้ใบหน้าของเราดูมันวาวมากเกินไปสำหรับ สาว ๆ ที่ผิวมันเพราะผิวขาดน้ำไม่ต้องกลัวว่าใช้แล้วหน้าจะยิ่งมันมากขึ้น เพราะเมื่อผิวของเราชุ่มชื่นแล้ว การผลิตน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าก็จะลดลง ทำให้ผิวหน้าของเราลดความมันลงได้ ครีมหน้าใส

3.พักผ่อนให้เพียงพอ ลดการนอนในห้องแอร์ที่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและแห้งกร้านได้ง่าย ซึ่งการนอนไม่เพียงพอในแต่ละวันจะทำให้ผิวหน้าของเราดูแก่ก่อนวัย แลดูเหนื่อยล้าได้ง่าย
สิ่ง เหล่านี้เป็นความรู้เบื้องต้น ที่คุณสาวๆ ทราบกันดีอยู่แล้ว แต่อย่างไรซะ ผิวที่แข็งแรงก็จะช่วยให้คุณดูดี มีสุขภาพน่ะค่ะ วิธีง่ายๆแต่ได้ผล ยังไงก็ลองนำกลับไปทำกันดู


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : medicine.swu.ac.th

เคล็ดลับแต่งหน้าด้วยสีสันแคนดี้แสนสดใส




บาง ครั้งบางคราวคนเราก็ต้องเปลี่ยนจากความจำเจที่เคยชิน มาเติมสีสันสดใสให้กับชีวิตเสียบ้าง สาว ๆ อย่างเราก็จุดประกายความสดใสให้ตัวเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปลี่ยนสไตล์การแต่งหน้า และวันนี้เราก็นำอีกหนึ่งสไตล์การแต่งหน้ามาฝากกัน นั่นก็คือการใช้สีสันสด ใสแบบแคนดี้ ๆ มาแต่งหน้านั่นเอง ไม่ว่าจะ เป็นสีชมพูสตรอเบอร์รี่ สีเหลืองสว่าง สีเขียวกีวี่ สีส้มแทนเจอรีน หรือสีแดงสดเหมือนเปลือกแอปเปิ้ล (แหม นึกว่ากำลังเลือกลูกอมรสผลไม้รวม) พร้อมทั้งเทคนิควิธีการดี ๆ ที่จะทำให้การแต่งหน้าด้วยสีสันสดใสเหล่านี้อยู่บนใบหน้าได้อย่างลงตัว มาไว้ ณ ที่นี้แล้วค่ะ

       เปลือกตาสดใสแบบมาคาฮ็อง

          ขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสที่เรียกว่า มาคาฮ็อง หรือมาคารูน เครื่องสําอางเกาหลี นั้น มีสารพัดรสชาติ รวมทั้งหลากสีสันแสนสดใส ลองหยิบสีสันสวย ๆ เหล่านั้นมาอยู่บนเปลือกตาของของคุณ อย่างสีฟ้า สีเหลือง สีเขียว สีชมพู ฯลฯ ส่วนเทคนิคในการแต่งตาก็ขึ้นอยู่กับควาถนัดและบุคลิกของแต่ละ คนค่ะ เทคนิค คัลเลอร์ บล็อกกิ้ง หรือการปาดสีเข้ม ๆ ให้ลุคแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซน หรือการแต่งสีสว่าง ๆ แล้วเน้นที่การกรีดตาหนา ๆ ก็ดูเป็นสาวขึ้นมาอีกหน่อย หรือจะใช้หลายสีที่บริเวณต่าง ๆ ของดวงตาก็ดูน่าสนใจไม่เบา

        เคล็ดลับบาลานซ์ให้ดูพอดี

          เมื่อดวงตาเจิดจ้าสดใสแล้ว ดร็อปความจัดจ้านของเรียวปากลง เหลือเพียงทากลอสสีชมพูอ่อน ๆ ก็เพียงพอ (อย่าลืมเปลี่ยนเป็นเนื้อแมทสำหรับการไปงานกลางคืนด้วยนะคะ)

        เรียวปากสดใสแบบโลลิป๊อบ

          ลิปสติกสีแจ่ม ๆ อย่าง ชมพู แดง ส้ม ลองนำมาทาบนริมฝีปาก เริ่มด้วยการใช้ลิปไลน์เนอร์สีเดียวกันวาดขอบปากเสียก่อน จากนั้นจึงตามด้วยการทาลิปสติกลงไปให้เต็ม ปิดท้ายด้วยการใช้กลอสใสแต้มตรงกลางกลีบปาก ทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มแวววาวขึ้นมา

        เคล็ดลับบาลานซ์ให้ดูพอดี

          เป็นไปในแนวทางเดียวกับการแต่งตา คราวนี้เมื่อเรียวปากโดดเด่นเป็นนางเอกแล้ว ดวงตาก็ต้องหลีกทางให้ไม่เด่นแข่งกัน ด้วยการแต่งตาโทนนู้ด แล้วปัดมาสคาร่าให้ตาดูคมขึ้นก็เพียงพอ

        สีเล็บจี๊ดจ๊าดสุดแคนดี้

          ซีซั่นนี้เล็บสวย ๆ ก็มาแรงไม่แพ้การแต่งหน้า และที่กำลังอินสุด ๆ ก็ต้องสีสว่างแบบนีออน หรือไม่ก็ต้องอ่อนหวานแบบพาสเทล อย่าลืมมิกซ์หรือแมทช์ให้รับกับการแต่งกายอย่างมินิเดรสสีดำ ให้ลองทาเล็บสีสีแดงหรือส้ม รับรองว่าเกิดแน่นอน

        เคล็ดลับบาลานซ์ให้ดูพอดี

หลีกเลี่ยงการทาเล็บสารพัดสีในคราวเดียว โดยเฉพาะเล็บมือกับเล็บเท้าควรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าไม่เป็นสีเดียวกัน ก็ให้ทาเล็บเท้าด้วยสีที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ

        พวงแก้มสุกปลั่งเป็นธรรมชาติ

          คุณอาจเห็นนางแบบบนรันเวย์ฮิตปัดแก้มด้วยสีจัด ๆ ของโทนชมพูหรือส้ม เพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อมาสู่ชีวิตจริงและยิ่งเป็นพวงแก้มของคุณแล้วล่ะก็ การปัดออกมาให้ระเรื่อดูเป็นธรรมชาติจะดีที่สุดค่ะ

        เคล็ดลับบาลานซ์ให้ดูพอดี

          ระลึกเอาไว้เสมอว่า less is more ปัดแก้มน้อย ๆ จะดูดีมากกว่าเครื่องสําอางเกาหลี เพราะมันเป็นธรรมชาติมากกว่าการปัดแก้มจัด ๆ จนดูเป็นปื้นนั่นเอง


          แหม สดใสซาบซ่ากันเสียจริง ๆ ใครอยากเปลี่ยนความเบื่อหน่ายจำเจที่เคยเป็น ลองเปิดพาเลทเครื่องสำอางเลือกสีสดใสสไตล์แคนดี้มาแต่งหน้ากันดูบ้างนะคะ 

ที่มา..guru.thaibizcenter.com

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กำจัดสิวหัวดำที่กวนใจ ให้หน้าเนียนใสยิ้งขึ้น







ปัญหา บนใบหน้าคุณสาวๆ คงหนีไม่พ้นสิวหัวดำที่อยู่ตรงจมูกเอาไว้ให้กวนใจคุณใช่ไหม ถึงคุณจะหาวิธีกำจัดสิวหัวดำอย่างไรไม่ช้า ไม่นานก็กลับมากวนใจคุณอีก งั้นเราไปหาวิธีกำจัดสิวหัวดำแบบไม่ให้กลับมากวนใจคุณกันอีกดีกว่าไหมค่ะ

สิว หัวดำมักเป็นที่สังเกตุของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะตัวคุณเองที่แต่งหน้าอย่างไรก็ปิดเจ้าสิวหัวดำไม่มิดซักที อาจเพราะสิวหัวดำเป็นที่สังเกตุได้ง่ายโดยเฉพาะตรงจมูกของคุณ ครีมหน้าใส

เพราะ จมูกของคนเรานั้นมีต่มผลิตน้ำมันมากกว่าส่วนอื่นๆ และเมื่อคุณมีผิวหน้าที่มันอยู่แล้วแน่นอนว่าเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วจะไปรวม ตัวกันจนเกิดเป็นสิวหัวดำโผล่ออกมาให้เห็นตรงจมูกไงค่ะ

วิธี กำจัดสิวหัวดำนั้นไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เพียงคุณใช้คลีนเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์ขัดลอกผิว ที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟ่า-ไฮดร็อกซี่สัปดาห์ละสองครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนออกไป ซึ่งจะช่วยลดเลือนสิวหัวดำให้คุณได้ภายในหนึ่งถึงสองเดือน หลังจากนั้นก็ควรคงความเกลี้ยงเกลานั้นเอาไว้ ด้วยการใช้สครับชนิดอ่อนโยนหรือแบบที่มีผงขัดขนาดเล็ก ขัดผิวหน้าเป็นประจำสัปดาห์ละหนึ่งหรือสองครั้ง เพียงเท่านี้คุณก็บอกลาสิวหัวดำได้เลยล่ะค่ะ ครีมหน้าใส


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : numwan.com

ทาริมฝีปากให้เจิดด้วยลิปสติกสีม่วง







ลิปสติก สีม่วงเป็นสีที่สาว ๆ หลายคนไม่ค่อยกล้าหยิบมาทาเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่มักจะเลือกแต่สีโทนแดง ส้ม ชมพู หรือน้ำตาล ซึ่งดูเป็นธรรมชาติมากกว่ามาใช้แทน แต่ถ้าใครไม่อยากหลุดเทรนด์การแต่งหน้าสำหรับซีซั่น สปริง/ซัมเมอร์ 2012 นี้แล้วล่ะก็ ขอบอกว่าเห็นทีจะต้องลุกขึ้นมาหัดทา "ลิปติกสีม่วง" กันดูบ้างแล้วล่ะค่ะ

          เคล็ดลับในการทาลิปสิกสีม่วงให้เจิด ให้เกิด นั้นไม่ยาก สีนี้ใช้ได้ทั้งกับสาวผิวขาวและสาวผิวคล้ำ เพียงแค่รู้จักเลือกลิปสติกโทนม่วง ให้เข้ากับสีผิว และอันเดอร์โทนของตัวเองก็เพียงพอ

          *อนึ่ง อันเดอร์โทน เครื่องสําอางเกาหลี  คือ สีผิวจริง ๆ ของเรา ที่ไม่ขึ้นอยู่กับสีผิวชั้นนอกที่เปลี่ยนแปลงได้บ่อย เช่น บ้างก็เดี๋ยวขาวเดี๋ยวคล้ำ แล้วแต่ว่าถูกแดดมากน้อยขนาดไหน แต่สีอันเดอร์โทนของเรานั้น จะไม่เปลี่ยนแปลง โดยอันเดอร์โทนแบ่งออกเป็น 4 เฉดด้วยกัน

          อันเดอร์โทน สีชมพู            - เป็นพวกฝรั่งผิวขาว

          อันเดอร์โทน สีเขียวมะกอก  - เป็นชาวเอเชียทางตะวันออก อย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น จีนตอนเหนือ

          อันเดอร์โทน สีเหลือง         - เป็นพวกชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

          อันเดอร์โทน สีเทา             - เป็นชาวผิวสี อย่างนิโกร และแอฟริกา

          หรือสามารถดูคร่าว ๆ ได้ที่เส้นเลือดที่ข้อมือ หากออกสีน้ำเงินหรือม่วง คือ มีอันเดอร์โทนสีชมพู หรือโทนเย็น แต่หากเห็นเป็นสีออกเขียว ๆ ก็คืออันเดอร์โทนสีเหลือง หรือโทนอบอุ่นนั่นเองค่ะ
 
        เคล็ดลับการทาลิปสติกสีม่วงให้เข้ากับคุณ

               ผิวซีดถึงขาว ให้เลี่ยงเฉดม่วงเข้ม แต่ให้เลือกม่วงที่เข้ากันได้ดีกับสีฟ้าหรือชมพู ขึ้นอยู่กับสีอันเดอร์โทนของคุณว่าเป็นสีอะไร

               ผิวแบบชาวเอเชีย เลือกลิปสติกสีม่วงที่ดูอบอุ่นด้วยอันเดอร์โทนสีเหลือง

               สาวผิวเข้ม โชคดีกว่าทุก ๆ คน ที่สามารถเลือกใช้เฉดไหนของสีม่วงก็ได้ ตั้งแต่ม่วงแบบดอกไลแลคไปจนถึงสีม่วงเข้มจัดเกือบดำเลยทีเดียว

        แต่งอย่างไร

          เนื่องจากการแต่งหน้าด้วยสีม่วงนั้น จะโดดเด่นออกมามาก ๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรแต่งตาหรือแก้มด้วยสีจัด ๆ ไปพร้อมกัน ทางที่ดีให้ปัดแก้มแค่พอระเรื่อ แต่งตาเบา ๆ ด้วยอายแชโดว์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และปัดมาสคาร่าก็เพียงพอ

        ลิปกลอสสีม่วง ทาอีกชั้นเพื่อความคงทน

          หากต้องการให้สีม่วงบนริมฝีปากติดทนนาน ก็ให้ใช้เคล็ดลับเดียวกับการทาลิปสติกทั่ว ๆ ไป
เครื่องสําอางเกาหลี  นั่นคือการใช้ลิปกลอสทาทับอีกครั้ง โดยให้เลือกเป็นลิปกลอสสีม่วงเพื่อความเด่นชัดของสี หรือถ้าต้องการลุคที่ดูเบาสบายขึ้น จะลองใช้ลิปสติกสีม่วงเนื้อเชียร์ ซึ่งให้สัมผัสที่บางเบากว่าก็ได้ค่ะ

        มิกซ์ & แมทช์ ให้น่ารัก

          นอกจากการแต่งหน้าให้โดดเด่นด้วยริมฝีปากสีม่วงสวยในซีซั่นนี้แล้ว ลองแต่งตัวให้สนุกขึ้นด้วยการแมทช์สีของริมฝีปากและเล็บเข้าด้วยกัน จะได้ลุคเปรี้ยวชิค ที่ดูน่ารักดีทีเดียว หรือจะลองแมทช์กับไอเท็มในตัวชิ้นอื่น ๆ ดูก็ได้นะคะ

ที่มา..guru.thaibizcenter.com

เติมสีสัน พรางรูปหน้าด้วยบลัชออน






การ เติมสีสันบนพวงแก้มช่วยสร้างความสดใสให้ใบหน้าในชั่วพริบตา อีกทั้งยังสามารถช่วยแรเงาเพื่อพรางรูปหน้าให้ดูสมดุลขึ้นอีกด้วย แต่การใช้บลัชออนมักเป็นสิ่งที่ผู้หญิงมักทำผิดพลาดมากที่สุดในการแต่งหน้า เรามาช่วยขจัดปัดเป่าปัญหาให้คุณแล้ว

           แก้มสวยเปล่งปลั่งอมชมพูเป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวทุกคน และโชคดีที่สีแก้มสวย ๆ เช่นนี้สามารถเนรมิตได้ง่าย ๆ ด้วยเครื่องสำอางชิ้นโปรด

           บลัช ออนที่นอกจากจะเพิ่มสีสันให้แก่ใบหน้าแล้ว etude house ยังสามารถช่วยสร้างแสงเงาเพื่อพรางข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของใบหน้า และเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูดีขึ้นได้ด้วย แต่บลัชออนไม่เหมือนกับเครื่องสำอางที่ใช้ตกแต่งดวงตาหรือริมฝีปาก เพราะมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อโชว์สีสัน บลัชออนไม่ควรจะโดดเด่นออกมาแข่งกับสีตาและปากของคุณ แต่ควรจะเป็นสีระเรื่ออยู่ในผิวที่ช่วยเสริมให้การแต่งหน้าโดยรวมดูสวยงามขึ้น

           ฉะนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าบลัชออนของคุณจะไม่เด่นจนออกนอกหน้า คุณจึงควรทาบลัชออนก่อนทาสีตาและปากเสมอ ต่อไปนี้ คือทุกอย่างที่คุณต้องรู้ในเรื่องของบลัชออน เพื่อจะได้ไม่ตกหลุมพรางข้อผิดพลาดง่าย ๆ ของการแต่งหน้าอีกต่อไป
           บลัชออนมีกี่แบบ

            บลัชออนแบบฝุ่น เป็นบลัชออนชนิดที่นิยมกันมากที่สุด ใช้ทาลงบนแก้มหลังการทาแป้งฝุ่น มันจะติดอยู่บนชั้นบนสุดของผิว และทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใส บลัชออนแบบฝุ่น ยังนิยมใช้เพื่อสร้างแสงเงาในการพราง ข้อบกพร่องของรูปหน้า โดยมักจะใช้บลัชออนหลาย ๆ สีผสมกัน เช่น ใช้สีเข้มที่ส่วนบุ๋มของแก้ม และสีที่อ่อนกว่าบนจุดสูงสุดของแก้ม แต่งต้องระวังอย่าให้สีเข้มจนเกินไปเราต้องการสีของบลัชออนเพียงเล็กน้อย เท่านั้น

            บลัชออนแบบครีม เป็นแบบที่มีเม็ดสีเข้มขันที่สุด จึงควรใช้แต่น้อย โดยบลัชออนแบบครีมใช้ทาหลังจากรองพื้น ก่อนทาแป้งฝุ่น นอกจากนี้ ยังมีบลัชออนแบบครีมที่มีส่วนผสมช่วยบำรุงผิวหน้า หรือแบบที่ผสมประกายแวววาวเล็กน้อย สำหรับสร้างสีสันยามราตรี และบลัชออนแบบครีมบางยี่ห้อยังสามารถใช้ทาปากและเปลือกตาได้ด้วยในคราวเดียว กัน

            บลัชออนแบบน้ำและแบบเจล บลัชออนแบบนี้ จะให้สีสันจาง ๆ ที่ดูเป็นธรรมชาติมาก ใช้ทาหลังจากรองพื้น หรือทาโดยตรงลงบนผิวหลังการทามอยสเจอไรเซอร์ จะช่วยให้แก้มดูเปล่งปลั่งอมเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติ

           ทาบลัชแบบมีเทคนิค

           บลัชออนเป็นเครื่องสำอางที่ผู้หญิงมักใช้มากเกินไปเสมอ ฉะนั้น หัวใจสำคัญก็คือการทาบลัชออนแต่เพียงน้อยๆ จำไว้ว่าคุณสามารถเติมสีเพิ่มได้เสมอ ถ้าคุณเริ่มเห็นสีบลัชออนอย่างชัดเจนให้รีบหยุด เพราะแสดงว่าทามากไปแล้ว นอกจากนี้ จงให้แน่ใจว่าคุณแต่งหน้าในที่ซึ่งมีแสงเพียงพอ อันจะทำให้คุณเห็นสีที่ทาได้อย่างชัดเจน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ทามากจนเกินไปเทคนิคก็คืออย่าทาบลัชออนเกินสามสี่ ครั้ง

           บริเวณ สำ หรับทาบลัชออนก็คือ ส่วนของใบหน้าที่อยู่ระหว่างแนวเส้นขนานของดวงตากับใต้จมูก ขณะยืนอยู่หน้ากระจกให้ยิ้มกับตัวเอง และค่อย ๆ แต้มบลัชออนลงบนส่วนแก้มที่โหนกนูนออกมามากที่สุด แล้วเกลี่ยออกไปยังขมับให้เป็นเส้นโค้งเล็กน้อย
           สำหรับการทาบลัชออนแบบฝุ่น ให้ใช้แปรงที่มีขนาดใหญ่พอเหมาะกับพวงแก้มเพื่อให้ได้สีที่สม่ำเสมอ และเคาะบลัชออนส่วนเกิน ออกจากแปรงทุกครั้งก่อนทาลงบนหน้า เพื่อสีจะได้ไม่มากเกินไป ส่วนบลัชออนแบบครีมหรือเจล ใช้ปลายนิ้วแต้มสีลงไปทีละน้อยและเกลี่ยให้กลมกลืนที่สุด ช่างแต่งหน้ามืออาชีพบางคนใช้ฟองน้ำหรือแปรงแบบเดียวกับแปรงทางรองพื้นเพื่อ ช่วยในการเกลี่ยสี ถ้าได้ลองดูแล้วคุณจะพบว่ามันช่วยให้ทาบลัชออนได้ง่ายขึ้นอย่างมาก

           ปัดบลัชพรางรูปหน้า

           ไม่ว่าคุณจะมีรูปหน้าแบบไหน แสงเงาจากการทาบลัชสามารถช่วยพรางรูปหน้าให้ดูสมส่วนขึ้นได้
            หน้ารูปไข่ ปกติแล้วรูปหน้าแบบนี้ไม่ต้องการการแรเงาเนื่องจากสมดุลอยู่แล้ว เพื่อให้บลัชออน ดูเป็นธรรมชาติ ให้ทาบลัชที่กึ่งกาลางพวงแก้มเพื่อให้ดูเปล่งปลั่งแบบเป็นธรรมชาติ สำหรับกลางคืน เติมบลัชเล็กน้อยที่สันจมูกเพื่อเพิ่มสีสัน

            หน้าสี่เหลี่ยม ทำให้แก้มเหลี่ยมๆ ดูนุ่มนวลขึ้นด้วยการใช้บลัชสีสดใส ทาลงบนกึ่งกลางแก้มแล้ว เกลี่ยขึ้นไปทาขมับ ถ้าอยากทำให้ขากรรไกรเหลี่ยมๆ ดูกลมมนขึ้น ทาบลัชเล็กน้อยจากคางไปจนถึงใต้ใบหู

            หน้ากลม เริ่มทาจากบริเวณเหนือจุดสูงสุดของโหนกแก้มเล็กน้อย แล้วเกลี่ยไปด้านหน้า แต่อย่าให้สีเข้าไปอยู่ใกล้จมูกจนเกินไปนัก etude house ไม่งั้นสีจะยิ่งเน้นหน้าให้ดูกลมขึ้น จากนั้น ใช้สีเข้มปัดที่ใต้โหนกแก้มไปหาแนวขากรรไกรและเกลี่ยทั้งสองสีให้กลมกลืนกัน

            หน้ายาว เพื่อทำให้หน้าดูกว้างขึ้น ทาบลัชจากกึ่งกลางแก้มออกไปหาใบหู จากนั้น ทาบลัชเล็กน้อยที่หน้าผากและแนวคาง

บอกลาริ้วรอยบนใบหน้า ด้วยท่าบริหารที่ช่วยคุณได้







สัง เกตุไหมค่ะว่าเดี๋ยวนี้คุณสาวๆ ริ้วรอยมักถามหากันเยอะ อาจเป็นเพราะมลภาวะทางอากาศ หรือแม้นกระทั้งความเครียด การอดนอนก็สามารถช่วยให้ริ้วรอยบนใบหน้าของคุณเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง ริ้วรอยบนใบหน้าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณดูไม่มั่นใจในการพบเจอผู้คน หรือบางทีก็ต้องแต่งหน้าเพื่อปิดริ้วรอย

วิธี เหล่านี้อาจช่วยคุณได้ แต่ไม่เสมอไปหรอกค่ะ ลองวิธีบริหารหน้าง่ายๆ ที่เรานำมาบอกกันดีกว่าไหมค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่ามลภาวะ ความเครียด หรือแม้นกระทั่งการที่คุณอดนอน ก็สามารถช่วยเพิ่มริ้วรอยบนใบหน้าของคุณได้แล้ว งั้นเราไปบริหารหน้ากันดีกว่าค่ะ ครีมหน้าใส

ผิวหน้ามีริ้วรอย เพราะการอดนอน
วิธี แก้ ให้ใช้ไข่ขาวนวดให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ให้แห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็นเพื่อให้ผิวหน้ากระชับมากยิ่งขึ้น หน้าของคุณจะรู้สึกเต่งตึงขึ้นมาในทันที

ผิวหน้ามีริ้วรอย เพราะคางเป็นสองชั้น
วิธี แก้ ใช้ปลายนิ้วกดลงเบาๆ บนใบหน้าจากบริเวณคางไปยังแก้ม แล้วนวดด้วยปลายนิ้วให้ทั่ว และหยิกเบาๆ คล้ายหยอกเล่นกับแฟน แล้วตบคางด้านล่างเบาๆ ออกมาถึงปลายหู

ผิวหน้ามีริ้วรอย เพราะจากสองข้างมุมปาก
วิธีแก้ ใช้นิ้วมือนวดเบาๆ ลูบขึ้นไปจากรอยลึกระหว่างจมูกและมุมปาก ผ่านมุมปากไปสิ้นสุดลงสองข้างจมูก นวดและลูบจากล่างไปหาบน

ผิวหน้ามีริ้วรอย เพราะหน้าผากเหี่ยวห่น
วิธีแก้ นวดเบาๆ จากบนคิ้วขึ้นไปหาเนินผม แล้วค่อยๆ นวดคลึงตามรอยย่นใช้วิธีกดลงไปเรื่อยๆ จากกลางหน้าผากออกไปหาขมับ

ผิวหน้ามีริ้วรอย เพราะปลือกตาบวม
วิธีแก้ ใช้นิ้วชี้แต่ละข้างวางลงบนหัวตาใต้คิ้ว ค่อยๆ เลื่อนปลายนิ้วชี้ผ่านไปเบาๆ โดยปรือตาลงเล็กน้อย

ผิวหน้ามีริ้วรอย เพราะมีถุงใต้ตา
วิธีแก้ ให้กดด้วยปลายนิ้วลงบนถุงใต้ตาเพียงเบาๆ จากหัวตาออกไปหาขมับทั้งสองข้าง

ผิวหน้ามีริ้วรอย เพราะรอยตีนกา
วิธีแก้ ให้ใช้ปลายนิ้วชี้คลึงเบาๆ วนรอบหางตาบนรอยตีนกานั้น ครีมหน้าใส

ท่า บริหารต่างๆ ที่เรานำมาบอกเป็นการช่วยให้คุณมีผิวที่กระชับ และเต่งตึงยิ่งขึ้น แต่สาวๆ ก็ควรดูแลสุขภาพด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้ริ้วรอยต่างๆ ที่พบก็จะไม่มา กวนใจคุณอีกต่อไปค่ะ และหมั่นออกกำลังกายใบหน้าของคุณด้วยน่ะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :www.samunpai.com

สารพัดวิธีปกปิดริ้วรอยและจุดบกพร่องบนใบหน้า





ใบ หน้าเป็นองค์ประกอบสำคัญของผู้หญิง ที่กล่าวได้ว่าช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้หญิงอย่างเราได้มากกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ทั้งยังเป็นปราการด่านแรกที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่เรามีปฏิสัมพันธ์ ด้วย แม้รูปร่างไม่ดีก็ยังมีเสื้อผ้าคอยปิดบังเอาไว้ได้ แต่ใบหน้าที่มีจุดบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย จุดด่างดำ หรือถุงใต้ตา สามารถฟ้องออกมาได้อย่างไม่อาจปิดบังให้มิดชิดจากการถูกจ้องมอง แต่เราก็สามารถพรางมันได้โดยการใช้เครื่องสำอางเป็นตัวช่วยนั่นเองค่ะ ถ้าอย่างนั้นลองมาดูวิธีการพรางจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้า ที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันดูนะคะ

      สิวและรอยแผล

          สิ่งแรกที่ผู้มีปัญหาสิวและรอยแผลเป็นต้องคำนึงถึง ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เครื่องสําอางเกาหลี เพื่อพรางร่องรอยเหล่านั้น ก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองอันจะนำมาซึ่งปัญหาสิวที่หนักขึ้น โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการปกปิดร่องรอยสูตรสำหรับผิวมัน หรือผิวเป็นสิวง่าย

          ขั้นแรกในการปกปิดสิวและรอยแผล เริ่มจากการใช้คอนซีลเลอร์ที่มีเฉดเดียวกันกับผิว หรือที่อ่อนกว่าเล็กน้อย แต้มที่ร่องรอยที่ต้องการปกปิด แล้วใช้ปลายนิ้วกดซับเบา ๆ จนซึมเข้าเนียนสนิทกับผิวดี จากนั้นจึงลงผลิตภัณฑ์รองพื้น และทำอย่างเบามือเพื่อไม่ให้คอนซีลเลอร์ที่ลงไว้ก่อนหน้าหลุดหายไป โดยคุณอาจใช้ฟองน้ำเนื้อนุ่มช่วยในขั้นตอนนี้ได้ เมื่อเรียบร้อยแล้วให้ใช้แปรงแตะแป้งฝุ่นปัดให้ทั่วใบหน้า เพื่อเป็นการช่วยให้รองพื้นที่ทาลงไปเซ็ตตัว และยังช่วยป้องกันการละลาย เลอะเลือนไปในระหว่างวันด้วย

      รอยคล้ำใต้ดวงตา และสีผิวไม่สม่ำเสมอ

          พักผ่อนไม่พอทีไรรอยคล้ำใต้ดวงตาเป็นต้องถามหา หรือบางรายอาจมีรอยคล้ำใต้ดวงตาอันเป็นผลจากกรรมพันธุ์หรือโรคประจำตัว ส่วนสีผิวไม่สม่ำเสมอนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ คน แต่ก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีการเดียวกับการปกปิดสิวและรอยแผล อย่างไรก็ตามมีผลิตภัณฑ์ในการปรับสีผิวที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาในจุดนี้โดย เฉพาะ อย่างคอลซีลเลอร์สีเหลืองชนิดแท่งสามารถใช้พรางรอยคล้ำใต้ดวงตา ส่วนเบสสีเขียวก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องรอยแดงบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี

      ถุงใต้ตา

          เมื่ออายุมากขึ้นคุณผู้หญิงหลาย ๆ คนประสบปัญหาผิวหนังใต้ตาคล้อย กลายเป็นถุงไต้ตาบวม ๆ และมีริ้วรอยเล็ก ๆ ร่วมด้วย พรางถุงใต้ตาที่ไม่พึงปรารถนานี้ได้ โดยใช้คอลซีลเลอร์เฉดที่อ่อนกว่าสีผิวจริง ทาตรงส่วนที่เป็นเงาคล้ำ ๆ ของถุงใต้ตา โดยใช้แปรงแต่งหน้าหัวเล็ก ๆ เป็นอุปกรณ์ในการทา เพราะสามารถเก็บรายละเอียดตามซอกมุม และริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิวหนังบริเวณนั้นได้ดีกว่าการใช้ปลายนิ้ว ทั้งนี้ต้องระวังไม่ใช้คอนซีลเลอร์กับบริเวณถุงใต้ตาทั้งหมด เพราะแทนที่จะพรางให้ดูเนียนขึ้นได้ กลับกลายเป็นเน้นให้มันชัดเจนกว่าเดิมเสียอีกค่ะ

      ริ้วรอยเหี่ยวย่น

          เมื่อตัวเลขอายุเพิ่มมากขึ้น เครื่องสำอางที่เคยใช้แล้วทำให้คุณดูดีตอนอายุ 25 อาจใช้ได้ไม่ดีดังเดิมในอีก 10 หรือ 15 ปีข้างหน้า เนื่องจากสภาพผิวของเราเปลี่ยนแปลงไป ผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาใช้กับใบหน้า รวมทั้งเครื่องสำอางจึงเป็นต้องเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับสภาพผิวด้วย เมื่อไรก็ตามที่คุณสังเกตเห็นว่าเครื่องสำอางที่ใช้อยู่เริ่มไม่เหมาะกับ สภาพผิวหน้า อย่างเช่นเข้าไปติดตามร่องริ้วรอยต่าง ๆ ที่ก่อตัวขึ้นเสียแล้ว เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงเครื่องสำอางที่ใช้แล้วล่ะค่ะ

         รองพื้น              

          เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รองพื้นที่สามารถปกปิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยไม่เข้าไปก่อตัวตกตามร่องเส้นริ้วรอยแห่งวัยเหล่านั้น รวมทั้งใช้สูตรที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัว ก็จะช่วยให้ผิวที่เริ่มดูแห้งกร้านดูมีน้ำมีนวลขึ้น

         บลัช               

          ลองเลือกใช้บลัชเนื้อครีม ที่ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ แทนบลัชเนื้อแป้งซึ่งให้ลุคที่แมทกว่าและทำให้ผิวดูแห้งด้วย

         อายไลน์เนอร์

          ไม่เขียนอายไลน์เนอร์ที่ขอบตาล่าง เนื่องด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น ผิวเริ่มสูญเสียความตึงกระชับ ทำให้ดวงตาดูล้าและคล้อยลงด้วย การเขียนอายไลน์เนอร์ที่ขอบตาล่าง จะทำให้ใบหน้าดูอิดโรยมากขึ้น

         อายแชโดว์

          ใช้อายไพร์มเมอร์ก่อนแต่งดวงตาด้วยอายแชโดว์เสมอ อายไพร์เมอร์ เครื่องสําอางเกาหลี จะ ช่วยให้อายแชโดว์เกาะติดเปลือกตาได้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นการรองผิวเปลือกตาไม่ให้อายแชโดว์ไปติดอยู่ตามริ้วรอยยับย่นเล็ก ๆ บนเปลือกตาด้วย


          ทราบเคล็ดลับดี ๆ ในการพรางจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าแบบนี้แล้ว คราวนี้ผู้หญิงอย่างเราก็มั่นใจได้มากขึ้นว่า ใบหน้าที่
ที่มา..guru.thaibizcenter.com
เปรียบเสมือนปราการด่านแรกในการสร้างความประทับใจแก่ผู้คนที่เราไป พบปะด้วยนั้น จะดูดีอยู่เสมอค่ะ :)

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สูตรสครับผิวให้ขาว สดใส อย่างถูกวิธี







การ ขัดผิว หรือการสครับเป็นขัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป และเผยผิวใหม่ที่ดียิ่งกว่าเข้ามาทดแทน ซึ่งช่วยให้ผิวของคุณสาวๆ ขาว ใส อย่างเป็นธรรมชาติได้มากเลยทีเดียว  

การส ครับ เป็นการขัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป และเป็นการเผยผิวที่สดใสยิ่งกว่า ซึ่งการขัดผิวนั้นคุณสาวๆ ทราบไหมค่ะว่า การขัดผิวที่ดีนั้น ไม่ทำให้ผิวของคุณเป็นริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นนั้นควรทำอย่างไรกันบ้าง

การ ขัดผิวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งใช่อุปกรณ์ไม่ว่าจะฟองน้ำ ครีม หินขัด หรือ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่การขัดผิวที่ดีนั่นควรทำอย่างนิ่มนวล และไม่ควรทำบ่อยจนเกินไปเพราะจำทำให้ผิวอ่อนไหวและไม่สามารถทนแดด และจะทำให้แห้งกร้านได้ง่าย ปกติผิวของคนเราจะมีการผลิตเซลล์ผิวทุก 2 - 4 สัปดาห์ แต่หากอายุ เรามากกว่า 20 ปี ขึ้นไปแล้วการผลัดเซลล์ผิวก็จะช้าลงไปเรื่อยๆแต่การขัดผิวจะช่วยในการผลัด เซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส ครีมหน้าใส

ประโยชน์ ของการขัดผิวขาวให้สวยใส ตามรูปแบบของผิวผู้หญิงแต่ละประเภท •ผู้หญิงที่ผิวแห้ง การขัดผิวจะช่วยให้เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหลุดลอกออกไป และช่วยให้ครีมต่าง ๆ สามารถบำรุงและดูดซึมสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
•ผู้หญิงผิวผสม การขัดผิวจะช่วยลดการเกิดสิว และทำให้ผิวเนียนเรียบ มีสีผิวที่เสมอกันอีกด้วย
•ผู้หญิวผิวหน้ามัน การขัดผิวจะทำให้รูขุมขนนั้นสะอาดขึ้น และช่วยลดการอุดตันของสิว และลดรอยดำได้เป็นอย่างดี
• สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาริ้วรอย การขัดผิวจะเป็นตัวไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ช่วยลดริ้วรอยและผิวกระจ่างใสอ่อนวัยกว่าคนที่ไม่ได้ขัดผิวเลย
•ผู้หญิง ที่มีผิวแตกลาย ต้องขัดผิวด้วยฟองน้ำนุ่ม ๆ ที่ทำการแช่น้ำจนนิ่ม ทำทุกวันช่วยลบเลือนริ้วรอยให้จ่างลงได้เป็นอย่างดี พร้อมกระตุ้นการไหลของเลือกอีกด้วย
ขัดผิวขาวใสอย่างไรให้เหมาะสม ครีมหน้าใส
การ ขัดผิวนั้นไม่ควรทำมากจนเกินไป เพราะนอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้วยังอาจจะทำลายผิวของตัวเราเองอีกด้วย การขัดผิวหน้าควรทำสัปดาห์ละไม่กิน 2 ครั้ง และไม่ควรทำติดกัน อาจจะเว้น 3 - 4 วัน หรือทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะเหมาะสมที่สุด การขัดผิวเรือนกายนั้นควรทำประมาณ 2 ครั้งต่อเดือน โดยการขัดผิวกายนั้นให้ทำการขัดเป็นวงกลม เบา ๆ หลังขัดควรหามอยส์เจอไรเซอร์มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยนะค่ะ เพียงเท่านี้คุณเองก็จะได้มีผิวที่ขาวสะอาด สดใส แล้วล่ะค่ะ

ที่มา..108health.com