วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เติมสีสัน พรางรูปหน้าด้วยบลัชออน






การ เติมสีสันบนพวงแก้มช่วยสร้างความสดใสให้ใบหน้าในชั่วพริบตา อีกทั้งยังสามารถช่วยแรเงาเพื่อพรางรูปหน้าให้ดูสมดุลขึ้นอีกด้วย แต่การใช้บลัชออนมักเป็นสิ่งที่ผู้หญิงมักทำผิดพลาดมากที่สุดในการแต่งหน้า เรามาช่วยขจัดปัดเป่าปัญหาให้คุณแล้ว

           แก้มสวยเปล่งปลั่งอมชมพูเป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวทุกคน และโชคดีที่สีแก้มสวย ๆ เช่นนี้สามารถเนรมิตได้ง่าย ๆ ด้วยเครื่องสำอางชิ้นโปรด

           บลัช ออนที่นอกจากจะเพิ่มสีสันให้แก่ใบหน้าแล้ว etude house ยังสามารถช่วยสร้างแสงเงาเพื่อพรางข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของใบหน้า และเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูดีขึ้นได้ด้วย แต่บลัชออนไม่เหมือนกับเครื่องสำอางที่ใช้ตกแต่งดวงตาหรือริมฝีปาก เพราะมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อโชว์สีสัน บลัชออนไม่ควรจะโดดเด่นออกมาแข่งกับสีตาและปากของคุณ แต่ควรจะเป็นสีระเรื่ออยู่ในผิวที่ช่วยเสริมให้การแต่งหน้าโดยรวมดูสวยงามขึ้น

           ฉะนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าบลัชออนของคุณจะไม่เด่นจนออกนอกหน้า คุณจึงควรทาบลัชออนก่อนทาสีตาและปากเสมอ ต่อไปนี้ คือทุกอย่างที่คุณต้องรู้ในเรื่องของบลัชออน เพื่อจะได้ไม่ตกหลุมพรางข้อผิดพลาดง่าย ๆ ของการแต่งหน้าอีกต่อไป
           บลัชออนมีกี่แบบ

            บลัชออนแบบฝุ่น เป็นบลัชออนชนิดที่นิยมกันมากที่สุด ใช้ทาลงบนแก้มหลังการทาแป้งฝุ่น มันจะติดอยู่บนชั้นบนสุดของผิว และทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใส บลัชออนแบบฝุ่น ยังนิยมใช้เพื่อสร้างแสงเงาในการพราง ข้อบกพร่องของรูปหน้า โดยมักจะใช้บลัชออนหลาย ๆ สีผสมกัน เช่น ใช้สีเข้มที่ส่วนบุ๋มของแก้ม และสีที่อ่อนกว่าบนจุดสูงสุดของแก้ม แต่งต้องระวังอย่าให้สีเข้มจนเกินไปเราต้องการสีของบลัชออนเพียงเล็กน้อย เท่านั้น

            บลัชออนแบบครีม เป็นแบบที่มีเม็ดสีเข้มขันที่สุด จึงควรใช้แต่น้อย โดยบลัชออนแบบครีมใช้ทาหลังจากรองพื้น ก่อนทาแป้งฝุ่น นอกจากนี้ ยังมีบลัชออนแบบครีมที่มีส่วนผสมช่วยบำรุงผิวหน้า หรือแบบที่ผสมประกายแวววาวเล็กน้อย สำหรับสร้างสีสันยามราตรี และบลัชออนแบบครีมบางยี่ห้อยังสามารถใช้ทาปากและเปลือกตาได้ด้วยในคราวเดียว กัน

            บลัชออนแบบน้ำและแบบเจล บลัชออนแบบนี้ จะให้สีสันจาง ๆ ที่ดูเป็นธรรมชาติมาก ใช้ทาหลังจากรองพื้น หรือทาโดยตรงลงบนผิวหลังการทามอยสเจอไรเซอร์ จะช่วยให้แก้มดูเปล่งปลั่งอมเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติ

           ทาบลัชแบบมีเทคนิค

           บลัชออนเป็นเครื่องสำอางที่ผู้หญิงมักใช้มากเกินไปเสมอ ฉะนั้น หัวใจสำคัญก็คือการทาบลัชออนแต่เพียงน้อยๆ จำไว้ว่าคุณสามารถเติมสีเพิ่มได้เสมอ ถ้าคุณเริ่มเห็นสีบลัชออนอย่างชัดเจนให้รีบหยุด เพราะแสดงว่าทามากไปแล้ว นอกจากนี้ จงให้แน่ใจว่าคุณแต่งหน้าในที่ซึ่งมีแสงเพียงพอ อันจะทำให้คุณเห็นสีที่ทาได้อย่างชัดเจน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ทามากจนเกินไปเทคนิคก็คืออย่าทาบลัชออนเกินสามสี่ ครั้ง

           บริเวณ สำ หรับทาบลัชออนก็คือ ส่วนของใบหน้าที่อยู่ระหว่างแนวเส้นขนานของดวงตากับใต้จมูก ขณะยืนอยู่หน้ากระจกให้ยิ้มกับตัวเอง และค่อย ๆ แต้มบลัชออนลงบนส่วนแก้มที่โหนกนูนออกมามากที่สุด แล้วเกลี่ยออกไปยังขมับให้เป็นเส้นโค้งเล็กน้อย
           สำหรับการทาบลัชออนแบบฝุ่น ให้ใช้แปรงที่มีขนาดใหญ่พอเหมาะกับพวงแก้มเพื่อให้ได้สีที่สม่ำเสมอ และเคาะบลัชออนส่วนเกิน ออกจากแปรงทุกครั้งก่อนทาลงบนหน้า เพื่อสีจะได้ไม่มากเกินไป ส่วนบลัชออนแบบครีมหรือเจล ใช้ปลายนิ้วแต้มสีลงไปทีละน้อยและเกลี่ยให้กลมกลืนที่สุด ช่างแต่งหน้ามืออาชีพบางคนใช้ฟองน้ำหรือแปรงแบบเดียวกับแปรงทางรองพื้นเพื่อ ช่วยในการเกลี่ยสี ถ้าได้ลองดูแล้วคุณจะพบว่ามันช่วยให้ทาบลัชออนได้ง่ายขึ้นอย่างมาก

           ปัดบลัชพรางรูปหน้า

           ไม่ว่าคุณจะมีรูปหน้าแบบไหน แสงเงาจากการทาบลัชสามารถช่วยพรางรูปหน้าให้ดูสมส่วนขึ้นได้
            หน้ารูปไข่ ปกติแล้วรูปหน้าแบบนี้ไม่ต้องการการแรเงาเนื่องจากสมดุลอยู่แล้ว เพื่อให้บลัชออน ดูเป็นธรรมชาติ ให้ทาบลัชที่กึ่งกาลางพวงแก้มเพื่อให้ดูเปล่งปลั่งแบบเป็นธรรมชาติ สำหรับกลางคืน เติมบลัชเล็กน้อยที่สันจมูกเพื่อเพิ่มสีสัน

            หน้าสี่เหลี่ยม ทำให้แก้มเหลี่ยมๆ ดูนุ่มนวลขึ้นด้วยการใช้บลัชสีสดใส ทาลงบนกึ่งกลางแก้มแล้ว เกลี่ยขึ้นไปทาขมับ ถ้าอยากทำให้ขากรรไกรเหลี่ยมๆ ดูกลมมนขึ้น ทาบลัชเล็กน้อยจากคางไปจนถึงใต้ใบหู

            หน้ากลม เริ่มทาจากบริเวณเหนือจุดสูงสุดของโหนกแก้มเล็กน้อย แล้วเกลี่ยไปด้านหน้า แต่อย่าให้สีเข้าไปอยู่ใกล้จมูกจนเกินไปนัก etude house ไม่งั้นสีจะยิ่งเน้นหน้าให้ดูกลมขึ้น จากนั้น ใช้สีเข้มปัดที่ใต้โหนกแก้มไปหาแนวขากรรไกรและเกลี่ยทั้งสองสีให้กลมกลืนกัน

            หน้ายาว เพื่อทำให้หน้าดูกว้างขึ้น ทาบลัชจากกึ่งกลางแก้มออกไปหาใบหู จากนั้น ทาบลัชเล็กน้อยที่หน้าผากและแนวคาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น